ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

Mercedes-Benz ย้ำวิสัยทัศน์ EV ในไทย เปิดตัวยนตรกรรมไฟฟ้า EQE 2 รุ่น บุกตลาดด้วยโมเดล SUV และ AMG Performance พร้อมพลิกโฉมธุรกิจผ่านโมเดล Retail of the Future ในปี 2024

ข่าว icon 26 ก.ย. 66 icon 424
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ลักชัวรี่ในงาน Ambition for the Future เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยผ่านวิสัยทัศน์ Ambition to Lead ดำเนินงานตามแผนด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electrification) เติมพอร์ตอีวีอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ลงตลาด 2 รุ่น EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic และ Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ นำเสนอผ่านนิยามใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ Electric. Crafted by Mercedes-Benz พร้อมเผยแนวคิดของโมเดลธุรกิจแห่งยุค Retail of the Future เตรียมพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก ในปี 2024 วางเป้าหมายในการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ และมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้าครอบคลุมในทุกมิติ
หนึ่งในแผนงานหลักของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คือการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทุกรูปแบบ ตอกย้ำเป้าหมายระดับโลกในการทำให้รถยนต์ทุกรุ่นในพอร์ตเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในปี 2030 โดยล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้จัดเวิลด์พรีเมียร์ของรถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า Mercedes-Benz CLA Concept ที่งาน IAA Mobility 2023 แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัยในยุคดิจิทัล และในประเทศไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการเดินหน้าขับเคลื่อนตลาดด้วยการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 2 รุ่นแรก อย่าง EQS และ EQB ขึ้นแท่นแบรนด์รถยนต์ระดับลักชั่วรี่แบรนด์แรกที่ผลิตแบตเตอรี่แรงดันสูงและประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในประเทศไทย
 
เพื่อตอกย้ำเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในโมเดลของ Mercedes-Benz EQE พร้อมกันถึง 2 รุ่น ได้แก่ EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic และ Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ พร้อมให้ลูกค้าชาวไทยได้เป็นเจ้าของสุดยอดยนตรกรรมทั้ง 2 รุ่น โดยสามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์หรือติดต่อได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ

EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic ราคา 5,650,000 บาท    

EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic เป็นรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ All-Wheel Drive ทำให้รถยนต์คันนี้เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On Road และ Off Road โดยผสานขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 765 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.6 วินาที ในด้านของแหล่งพลังงาน ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบลิเธียมไอออน (Li-Ion) ความจุ 89 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 558 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 10 – 80% เพียง 31 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 9 ชั่วโมง 30 นาที 
ความโดดเด่นของ EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic คือความอเนกประสงค์ตามแบบฉบับรถเอสยูวีที่มาพร้อมความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วยมิติตัวถังขนาดความยาว 4,863 มม. ความกว้าง 1,940 มม. ความสูง 1,685 มม. และระยะฐานล้อ 3,030 มม. ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง AMG Exterior Package ดีไซน์กระจังหน้าแบบ Mercedes-Benz pattern มอบความปลอดภัย
และทัศนวิสัยขั้นสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยไฟหน้า DIGITAL LIGHT ที่ให้ความละเอียดสูงถึง 1.3 ล้านพิกเซลต่อ 1 โคมหลอด แบบ HD system พร้อมเทคโนโลยี ULTRA RANGE Highbeam ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร และสามารถปรับการส่องสว่างระหว่างขับขี่บนท้องถนนได้อย่างต่อเนื่องตามสภาพการจราจรและสภาพอากาศ
ด้านหลังดีไซน์ไฟท้าย 3D helix design แบบคาดยาวตลอดช่วงท้ายรถ ติดตั้งล้ออัลลอยด์แบบ AMG Multi-spoke ขนาด 21 นิ้ว ผสานการทำงานด้วยระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (AIRMATIC) ช่วยยกระดับการขับขี่ให้เป็นไปอย่างนุ่มนวลและน่าประทับใจไปอีกขั้น นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO พร้อมมือจับประตูแบบไร้รอยต่อ (Seamless door handles) 
ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวาง ให้ความหรูหราตามแบบฉบับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ผสานสีสันในสไตล์สปอร์ตด้วยการตกแต่งแบบ AMG Line Interior ติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต หุ้มด้วยหนัง Nappa เบาะคู่หน้า Sport seats ปรับระดับด้วยไฟฟ้าและเสริมด้วยฟังก์ชันหน่วยความจำแบบ memory seat โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลบริเวณแผงคอนโซลกลาง MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว ที่ออกแบบตามแนวคิด Zero Layer Concept โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย หน้าจอ OLED ตรงกลางขนาด 17.7 นิ้ว ฝั่งซ้าย 12.3 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และหน้าจอ LED แสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ พร้อมจอแสดงผลแบบ Head-up Display และสามารถควบคุมระบบการขับขี่ด้วยการสัมผัสบริเวณจอกลางผ่านฟังก์ชั่น DYNAMIC SELECTED ปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบ ECO, COMFORT, SPORT, INDIVIDUAL และโหมด OFFROAD ซึ่งเป็นโหมดสำหรับการขับขี่ในรูปแบบ Off-Road โดยเฉพาะ ในห้องโดยสารติดตั้งหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Panoramic sliding sunroof) ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC 4 โซน ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL Plus และระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละออง PM 2.5 
EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic มาพร้อมเทคโนโลยีที่ติดตั้งมาอย่างครบครันเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบแผนที่นำทางแบบ Hard-disc navigation ด้วยแผนที่แบบ 3 มิติ ระบบสแกนลายนิ้วมือและ Face ID ยืนยันผู้ใช้งาน และอุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect ผสานการทำงานกับระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX มอบความรื่นรมย์ด้วยระบบความบันเทิงภายในรถด้วย Active Ambient Lighting กว่า 64 เฉดสี ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศที่หลากหลายให้กับห้องโดยสาร นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester® 3D surround sound system ทรงพลังด้วยลำโพงคุณภาพสูง 15 ตัว รอบห้องโดยสารที่มีกำลังขับขนาด 710 วัตต์ และเทคโนโลยี Dolby Atmos® ที่ให้ความรู้สึกราวกับนั่งฟังเพลงอยู่ในสตูดิโอ สามารถเปลี่ยนห้องโดยสารเป็นคอนเสิร์ตของศิลปินคนโปรดได้อย่างง่ายดาย
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยของ EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ครบครันตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยแบบ Active Safety อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเบรกแบบแอ็คทีฟ (Active Brake Assist) ระบบช่วยจำกัดความเร็วแบบแอ็คทีฟ (Speed Limit Assist) ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ในกรณีที่คนขับไม่มีการตอบสนองต่อการขับขี่เป็นเวลานาน และการติดตั้งกล้องรอบคันแบบ 360° (Parking Package with 360 camera) ที่ให้การแสดงผลแบบ Transparent bonnet ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นภาพจริงในจุดอับสายตาบริเวณหน้ารถและใต้ท้องรถขณะขับขี่ด้วยโหมด OFFROAD
โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Diamond White Bright) สีเทา (Alpine Grey Solid) สีเทา (Selenite Grey) สีเขียว (Emerald Green) และสีดำ (Obsidian Black) 

Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ ราคา 5,950,000 บาท

Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ คือรถยนต์ไฟฟ้า 100% สมรรถนะสูงจากตระกูล AMG รุ่นแรกที่ทำการตลาดในประเทศไทย โดยพัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ซีดานไฟฟ้าอย่าง EQE ซึ่งความพิเศษของรถยนต์คันนี้คือ การใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงรุ่นใหม่ล่าสุดแบบ Ultra-lightweight high-performance battery ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Mercedes-AMG ที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาก (Affalterbach) ประเทศเยอรมนี และนำมาพัฒนาร่วมกับเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าจากรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน FORMULA 1® ของทีม Mercedes-AMG Petronas F1 ส่งผลให้ EQE 53 4MATIC+ มีการตอบสนองการขับขี่และมีพละกำลังที่เป็นไปตามแบบฉบับของรถยนต์ Mercedes-AMG ที่ใช้ในสนามแข่งอย่างแท้จริง 
Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) ให้กำลังสูงสุด 625 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตร/ชั่วโมงขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบและปรับการส่งกำลังของมอเตอร์ทั้งสองได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนปกติหรือในสนามแข่ง รวมถึงปรับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ชุดหลังเพียงอย่างเดียวในขณะที่ผู้ขับขี่ต้องการที่จะขับขี่ในรูปแบบ Drift ในด้านของแหล่งพลังงาน ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบลิเธียมไอออน (Li-Ion) ที่มีความจุ 90.6 kWh ให้แรงดันไฟสูงสุด 328 โวลต์ มีระยะทางขับขี่สูงสุด 526 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) ผ่าน On-board Charger รองรับสูงสุด 22 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 4 ชั่วโมง 45 นาที 
มาพร้อมการติดตั้งระบบเบรกแบบสมรรถนะสูงอย่าง AMG high-performance brake system ที่สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำทุกสภาวะการขับขี่ พร้อมจานเบรกที่มีช่องระบายอากาศบริเวณด้านข้างเพื่อลดอุณหภูมิของจานเบรกเมื่อมีการใช้งานในความเร็วสูง และตกแต่งคาลิเปอร์เบรกด้วยสีแดงตามแบบฉบับของ AMG โดยด้านหน้าเป็นคาลิเปอร์แบบ 6-piston และจานเบรกขนาด 415 x 33 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังเป็นแบบ single-piston และจานเบรกขนาด 378 x 22 มิลลิเมตร อีกทั้งยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบตามความเหมาะสม โดยที่มีการส่งกำลังในระดับที่ต่างกัน เริ่มตั้งแต่โหมด Slippery (50% Output) Comfort (80% Output) Sport (90% Output) Sport+ (100% Output) และ RACE START (100% Output) โดยกำลังสูงสุดของรถ (460 kW / 625 hp) จะสามารถใช้ได้ภายใต้โหมดการขับขี่ Sport+ หรือการออกตัวด้วย RACE START เท่านั้น
ในส่วนของดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยชุดแต่ง AMG Exterior Package เน้นตกแต่งอย่างหรูหราด้วยวัสดุสีดำ High-gloss มาพร้อมกับกระจังหน้าสีดำรูปแบบเฉพาะของ AMG และกันชนแบบสปอร์ต ติดตั้งไฟหน้า DIGITAL LIGHT แบบ ULTRA RANGE Highbeam ที่ส่องสว่างไกลกว่า 600 เมตร ด้านบนเป็นหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Panoramic sliding sunroof) ด้านล่างติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว แบบ AMG Y-Spoke wheel ทำงานผสานกับระบบกันสะเทือนและช่วงล่างแบบ AMG RIDE CONTROL+ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Mercedes-AMG รองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่สามารถทำมุมเลี้ยวได้สูงสุดถึง 3.6 องศา สำหรับลดวงเลี้ยวให้แคบลง เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงในการขับขี่
นอกจากนี้ยังมีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์อย่าง AMG SOUND EXPERIENCE ให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้าอันทรงพลัง ทั้งใน RACE START และระหว่าง Dynamic Curve Sections โดยการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างลำโพงรูปแบบพิเศษ เครื่องสั่น และเครื่องกำเนิดเสียง ที่จะช่วยให้ถ่ายทอดพลังเสียงออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดและปรับระดับความดังให้เข้ากับสถานการณ์การขับขี่ได้ และสามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Balanced, Sport และ Powerful ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG 
เมื่อเข้ามายังห้องโดยสารจะพบกับเบาะนั่งแบบ AMG Sport Seats ที่มีลวดลายเฉพาะรุ่น AMG พร้อมพวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel หุ้มหนัง Nappa ช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างคล่องแคล่วและสะดวกสบาย หน้าจอแสดงผลบริเวณแผงคอนโซลกลาง MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย หน้าจอ OLED ตรงกลางขนาด 17.7 นิ้ว ฝั่งซ้าย 12.3 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และหน้าจอ LED แสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ โดยสามารถแสดงผลในโหมด AMG ได้โดยเฉพาะ พร้อมจอแสดงผลแบบ Head-up Display และยังมี AMG Track Pace ให้ผู้ขับขี่สามารถวัดสมรรถนะความเร็วของรถยนต์ พร้อมวิเคราะห์การขับขี่จากการประเมินส่วนบุคคลได้ อีกทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย อาทิ ระบบนำทาง MBUX augmented reality ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC 4 โซน ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และระบบชาร์จไร้สายสำหรับที่นั่งด้านหน้า ปิดท้ายด้วยระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system และเทคโนโลยี Dolby Atmos® ที่พร้อมมอบความบันเทิงสูงสุดตลอดการขับขี่ 
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ จัดมาให้อย่างเต็มพิกัด ทั้งกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Driving assistance package ที่รวบรวมระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) และระบบช่วยการทรงตัวและดึงรถกลับเข้าช่องจราจร (Evasive Steering Assist) ฯลฯ โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเทา (Alpine Grey Solid) และสีแดง (Patagonia Red Metallic) 
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic คือรถเอสยูวีขนาดกลางในเซกเมนต์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเช่นเดียวกันกับรุ่นแฟล็กชิพอย่าง EQS สะท้อนการออกแบบที่ผสานดีไซน์อันเหนือระดับเข้ากับความเหนือชั้นของฟังก์ชั่นและความสะดวกสบายตามแบบฉบับของรถเอสยูวี และอีกหนึ่งโมเดลที่ถูกพัฒนามาจากพื้นฐานของ EQE ก็คือ Mercedes-AMG EQE 53 ซึ่งถือเป็นสุดยอดยนตรกรรมสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย มาพร้อมกับจิตวิญญาณของ AMG ที่จะมอบสมรรถนะที่ทรงพลังและประสบการณ์การขับขี่ขั้นสุดให้กับลูกค้าทุกคนที่เป็นเจ้าของ"
ภายในงาน Ambition for the Future เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เผยแนวคิดของโมเดลธุรกิจใหม่ที่มีชื่อว่า Retail of the Future โดยเตรียมปรับใช้ในช่วงต้นปี 2024 ด้วยเป้าหมายหลักในการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจค้าปลีกให้กับตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี่ในประเทศไทย ชูโมเดลธุรกิจที่เน้นความโปร่งใสของราคาและข้อเสนอจากผู้จำหน่ายฯ ที่ต้องเท่าเทียมกัน การจัดการความพร้อมของสต็อกรถยนต์ และการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ภายใต้มาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย โดยที่ผู้จำหน่ายฯ จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในทุกขั้นตอนของการบริการลูกค้า นอกจากนี้ในโมเดลธุรกิจใหม่ จะไม่ได้เน้นเพียงแค่การขายรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่จะส่งเสริมเครือข่ายการค้าปลีกของแบรนด์ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ 
 
“โมเดลธุรกิจนี้จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในฐานะแบรนด์รถยนต์ระดับลักชัวรี่ที่มีความแข็งแกร่ง และสร้างความโปร่งใสในด้านราคาด้วยกระบวนการจัดการที่มีมาตรฐาน ลูกค้าทุกคนจะได้รับการเสนอราคาและข้อเสนอที่เหมาะสมที่สุดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และสามารถเข้าถึงสต็อกของรถยนต์ทุกรุ่นจากทุกผู้จำหน่ายฯ ไม่ว่าจะเป็นผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ ซึ่งทางผู้จำหน่ายฯ จะอยู่ในทุกขั้นตอนการซื้อรถของลูกค้า ตั้งแต่การทำใบเสนอราคา การทดลองขับ จนไปถึงขั้นตอนการสั่งจอง และการส่งมอบรถยนต์ โดยโมเดลธุรกิจนี้จะทำให้ผู้จำหน่ายไม่ต้องแบกรับภาระด้านการจัดการคลังสินค้าและสต็อกรถยนต์ เพราะรถจะถูกนำส่งมาจากคลังสินค้ากลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งหมายความว่าผู้จำหน่ายฯ จะไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสต็อกและความเสี่ยงด้านต้นทุนของธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้ผู้จำหน่ายฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้นในด้านการบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน” 
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ กล่าวเสริม
 
การแถลงวิสัยทัศน์ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงาน Ambition for the Future พร้อมกับการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยในปี 2024 เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีแผนที่จะขยายพอร์ตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำโมเดลธุรกิจ Retail of the Future มาใช้ในประเทศไทยเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับลูกค้า ยกระดับคุณค่าของแบรนด์ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่ายฯ อย่างเป็นทางการ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวเมอร์เซเดส-เบนซ์ mercedes-benz ev รถยนต์ไฟฟ้า EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ Retail of the Future

ข่าวและอีเว้นท์รถยนต์ล่าสุด




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)