ทุกวันนี้อะไรๆ ก็แพงขึ้นทุกอย่าง จนมนุษย์เงินเดือนหลายคนก็อาจจะใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะกับคนที่เงินเดือนไม่ขึ้น โบนัสก็ไม่ได้ แต่รายจ่ายนั้นกลับขึ้นเอาๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ากิน ค่าใช้ชีวิตประจำวัน ค่าไฟ ค่าน้ำ และยังมีค่าผ่อนคอนโดที่มักจะสูงขึ้นเป็นขั้นบันได วันนี้เราเลยจะมาแนะนำในเรื่องของค่าผ่อนคอนโดที่สูงขึ้นนี่เองค่ะ แม้ว่าบางคนอาจจะเงินเดือนขึ้นบ้าง แต่ก็อาจจะยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายอยู่ดี มาดูกันว่ามีวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านี้ยังไงได้บ้าง ถึงแม้ว่าอาจจะแก้ปัญหาไม่ได้ 100% แต่ก็พอต่อชีวิตออกไปได้บ้างค่ะ
1. ปล่อยให้เช่า
กรณีที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ มีบ้านอยู่แล้ว หรือมีที่พักอาศัยอื่น อาจจะลองให้ปล่อยเช่าห้องคอนโดไปก่อน แต่ถ้าเราเป็นผู้อาศัยอยู่ในคอนโดนี้เอง ไม่มีที่อื่นให้ย้ายแล้ว ข้ามไปดูข้อต่อไปเลยค่ะ (ดูวิธี อยากลงทุนปล่อยเช่าคอนโด ควรเริ่มต้นยังไง? ให้ปล่อยเช่าง่าย คนเช่าชอบ ได้ที่นี่)
2. หารายได้เสริม
กรณีที่ยังพอจะผ่อนต่อไปไหว เพียงแต่รายรับไม่ได้กระเตื้องขึ้นนั้น แต่ต้องจ่ายค่าผ่อนคอนโดที่เพิ่มขึ้น (ในกรณีที่รีไฟแนนซ์แล้วก็ยังไม่เพียงพอ) เราอาจจะลองหารายได้เสริมไปก่อนค่ะ ถึงแม้ว่าอาจจะเหนื่อย และลำบาก แต่ถ้าเรายังต้องการที่จะอยู่คอนโดนี้ต่อ ก็จำเป็นต้องทำแล้วค่ะ รายได้เสริมที่ว่านี้ อาจจะเป็นการขายของออนไลน์ หรือถ้าใครพอมีทักษะในการเขียนก็อาจจะรับงานเขียนคอนเทนต์ทั่วไป หรือถ้ามีทักษะด้านอื่นๆ ก็ลองขุดมาใช้เพื่อนำมาหารายได้เสริมดูค่ะ แต่ถ้ามองแล้วไม่สามารถจะหารายได้เสริมได้เลย ลองมองดูข้อถัดไปก็ได้ค่ะ
3. ใช้จ่ายให้น้อยลง เก็บเงินให้มากขึ้น
อีกวิธีที่อาจจะเหนื่อยอีกเช่นกัน ก็คือการรัดเข็มขัดแบบสุดโต่งไปเลยค่ะ รายได้เราอาจจะเท่าเดิม เพิ่มเติมคือรายจ่ายที่มากขึ้น แต่ถ้าเราไม่มีเวลาไปหารายได้เพิ่ม และยังต้องอาศัยอยู่ในคอนโดที่กำลังผ่อน สิ่งที่พอจะทำได้อีกอย่างก็คือการประหยัดแบบสุดๆ นี่เองค่ะ อาจจะตัดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นน้อยที่สุดออกไป เช่นค่าช็อปปิ้ง ค่าท่องเที่ยว เพื่อนำมาจ่ายในส่วนค่าผ่อนคอนโดก่อน อาจจะยากไปหน่อยสำหรับบางคน แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้ ก็อาจจะต้องขายคอนโดทิ้งแล้วค่ะ แต่ถ้าใครยังไม่อยากทำถึงขั้นนั้น ไปดูวิธีต่อไปกันค่ะ
4. ติดต่อธนาคารขอประนอมหนี้
เมื่อมาถึงขั้นที่เราไม่สามารถจะผ่อนคอนโดได้ไหวอีกต่อไป สิ่งแรกก็คือการประนอมหนี้กับธนาคาร โดยให้เราไปติดต่อกับธนาคารเพื่อขอประนอมหนี้ โดยธนาคารก็จะมีทางเลือกให้เราว่าจะใช้วิธีไหน หลักๆ ก็จะมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ขยายเวลาชำระหนี้
วิธีนี้คือการเพิ่มระยะเวลาชำระหนี้ให้ยาวนานออกไป เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการผ่อนค่างวดต่อเดือนลดลง เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนนั่นเอง เหมาะกับผู้ที่มีรายได้ประจำแต่รายได้ลดลง ซึ่งมีเงื่อนไขว่าอายุของผู้กู้กับระยะเวลาที่ขอขยายเวลาชำระหนี้นั้นต้องไม่เกิน 70 ปี
2. พักชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ย
อีกวิธีที่ใช้ประนอมหนี้กับธนาคารด้วยการพักชำระเงินต้น หรือก็คือการขอผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน โดยไม่ต้องจ่ายเงินต้น แต่ข้อเสียคือ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการพักชำระเงินต้น จำนวนเงินต้นก็ยังมีเท่าเดิม ที่เราต้องจ่ายต่อไป
3. ลดยอดผ่อนชำระรายเดือนให้ต่ำกว่าปกติ
บางธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือในเรื่องการให้ชำระค่างวดให้ต่ำกว่าปกติ โดยปรับลดให้ถึง 30% - 50% ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถทำได้ไม่เกิน 2 ปี
4. โอนหลักทรัพย์เป็นของธนาคารชั่วคราว
เราสามารถโอนบ้านให้เป็นของสถาบันการเงินไปก่อนชั่วคราว แล้วค่อยขอซื้อคืนในภายหลัง วิธีนี้เราต้องโอนบ้านไปเป็นของสถาบันการเงิน แล้วเราจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นผู้เช่า ซึ่งทางสถาบันการเงินจะคิดค่าเช่าเราประมาณเดือนละ 0.4 - 0.6% ของมูลค่าหลักประกัน ต่อสัญญา 1 ปี และเมื่อเราต้องการซื้อคืน ส่วนใหญ่แล้วราคาขายจะคิดจากยอดหนี้ที่เหลือ ซึ่งเราก็สามารถขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเดิมได้เช่นกัน
5. พักชำระหนี้
การพักชำระหนี้จะสามารถพักการจ่ายได้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย ใช้ในกรณีที่เราประสบปัญหาด้านการเงินจนทำให้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้จริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสถาบันการเงินจะให้ระยะเวลาในการพักหนี้ประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นเราก็กลับมาชำระหนี้ใหม่ โดยส่วนที่พักชำระไปนั้นก็ไม่ได้หายไปไหนค่ะ หนี้ทั้งหมดก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
6. Refinance หรือ Retention
การรีไฟแนนซ์ เป็นวิธีที่หลายคนใช้เป็นวิธีปกติของการผ่อนชำระหนี้ เพื่อปรับลดดอกเบี้ยเป็นประจำทุกๆ 3 ปีอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นอีกวิธีที่ใช้ในการประนอมหนี้ได้ด้วยเช่นกัน เงื่อนไขก็คือต้องมีการผ่อนชำระกับสถาบันการเงินมาก่อนขั้นต่ำ 3 ปี ซึ่งหลังจากนั้นดอกเบี้ยก็จะเริ่มสูงขึ้น เราสามารถสิ้นสุดสัญญากับสถาบันการเงินเก่า เพื่อไปยื่นเรื่องของรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่ โดยเลือกสถาบันที่ให้ดอกเบี้ยต่ำ แต่ก็จะมีในเรื่องของค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าจัดการสินเชื่อ ค่าธรรมเนียม และค่าอื่นๆ แต่โดยรวมแล้วการที่ได้ดอกเบี้ยที่ต่ำเหมือนกับช่วง 3 ปีแรกของการกู้ จะทำให้สามารถจ่ายเงินต้นได้มากขึ้นเหมือนเดิม ก็จะสามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ
การรีเทนชั่น ก็เป็นอีกวิธีที่หลักการจะคล้ายๆ กับการรีไฟแนนซ์ แต่จะเป็นการขอปรับลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม ที่มีการผ่อนชำระมาแล้ว 3 ปี วิธีนี้จะมีข้อดีก็ตรงที่สถาบันการเงินเดิมของเรามีข้อมูลและเอกสารของเราอยู่แล้ว ทำให้ง่ายต่อการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการรีไฟแนนซ์ แต่ทั้งนี้ก็อาจจะได้ดอกเบี้ยที่ต่ำไม่เท่ากับการรีไฟแนนซ์ ซึ่งเราก็ต้องไปพิจารณากันให้ดีอีกที
สำหรับชาวมนุษย์เงินเดือนทั่วไปท่านใดที่กำลังประสบปัญหา หวังว่าจะมีวิธีใดวิธีหนึ่งพอช่วยได้บ้างนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ
หากใครมีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม สามารถเข้าร่วมพูดคุยกับกูรูได้ที่นี่เลยค่ะ https://page.line.me/uht3147t
แท็กที่เกี่ยวข้อง
ผ่อนคอนโด
เขียนโดย
เช็คราคา.คอม
Condo Guru
พูดคุยกับกูรูได้ที่




