ขานรับความโชคดีปีขาล 2565 เริ่มต้นปีใหม่ วางแผนการเงินอย่างไรให้ปัง!

icon 15 ก.ค. 68 icon 7,578
Share
ขานรับความโชคดีปีขาล 2565 เริ่มต้นปีใหม่ วางแผนการเงินอย่างไรให้ปัง!
"การวางแผนการเงิน" ถือเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกๆ เมื่อเริ่มต้นปีใหม่นะคะ เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจ ที่ไม่สู้ดีนัก เราควรวางแผนการเงินแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้รับมือกับสถานกาณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที และหลังจากที่เราได้ทบทวนเรื่องราวตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา ว่าเราได้มีทำอะไรที่ผิดพลาด หรือมีการวางแผนการเงิน หรือด้านใดไม่รัดกุมบ้างหรือเปล่า และได้ทำอะไรตามเป้าหมายของปี 2564 ไปบ้างแล้ว อะไรที่ยังไม่สำเร็จ เราก็มาเริ่มตั้งเป้าหมายกันใหม่ เพื่อขานรับความโชคดีปีขาล 2565 ปีนี้ กับ 5 ทริค วางแผนการเงินอย่างไรให้ปัง! ไปด้วยกันนะคะ
 
 
1. เช็กบัญชีการเงินของปีที่ผ่านมา และการจดบันทึกรายรับ - รายจ่าย
 
สำหรับเรื่องการจดบันทึกรายรับ - รายจ่าย เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการวางแผนการเงินเลยค่ะ เพราะเราจะได้ทราบว่าตลอดปีที่ผ่านมาเรามีค่าใช้จ่ายในส่วนไหนมากเป็นพิเศษ หรือมีรายรับพิเศษอะไรบ้าง แต่ละเดือนรายรับที่ได้มา เพียงพอกับรายจ่ายหรือไม่ และมีรายจ่ายส่วนไหนที่ไม่จำเป็น หรือรายจ่ายฟุ่มเฟือย เพื่อที่เราจะได้วางแผนการเงินสำหรับปีใหม่ได้อย่างเหมาะสม และเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้นะคะ
 
โดยการจดบันทึกสามารถทำแบบง่ายๆ โดยขอยกตัวอย่างตารางการบันทึกรายรับ - รายจ่ายแบบง่าย ซึ่งเราอาจลงบันทึกใน File Excel เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณได้เลยนะคะ 
 
ตัวอย่างตารางการบันทึกรายรับ - รายจ่ายแบบง่าย
 
เดือน รายการ รายรับ รายจ่าย หมายเหตุ
รายจ่ายต่างๆ (1) เงินออม (2) เงินบริจาค (3)
มกราคม 2565 เงินเดือน 20,000         
ค่าบัตรเครดิต   2,000     จ่ายแล้วเมื่อวันที่ 5 มกราคม 
ฝากประจำปลอดภาษี     1,000   ฝากเมื่อวันที่ 4 มกราคม 
ทำบุญโลงศพ        100 ทำบุญครั้งที่ 1 (ไม่มีใบอนุโมทนาบัตร)
รวมรายรับ 20,000 2,000 1,000 100  
รวมรายจ่าย   (1) + (2) + (3) = 3,100   
คงเหลือ (รายรับ - รายจ่าย) 16,900  
สรุป...ประจำเดือนมกราคม 2565 มีเงินคงเหลือ 16,900 บาท
* เราจะเอาเงินส่วนนี้ไปลงทุนกองทุนรวม ซื้อหุ้น หรือลงทุนอื่นใด เราสามารถ Note ไว้เพื่อเตือนความจำให้เราได้อีกทางหนึ่งนะคะ
กุมภาพันธ์ 2565            
 
และเมื่อถึงสิ้นปี หากเรามีการบันทึกข้อมูลรายรับ - รายจ่าย ของเราตลอดปีอย่างสม่ำเสมอ เราสามารถมารีเช็กได้เลยค่ะว่าตลอดปีที่ผ่านมาเราได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง จำเป็น ไม่เป็น และอะไรที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำ ค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ซึ่งเราก็จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนการเงินสำหรับปีใหม่ได้อย่างง่ายดายเลยค่ะ 
 
2. เช็กภาระหนี้สินที่ยังคงค้าง
 
เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ เราควรเช็กยอดภาระหนี้ที่เรายังคงคั่งค้างอยู่จากปีที่ผ่านมา เช่น ยังมีผ่อนสินค้าอะไรอยู่หรือไม่  เหลือที่ต้องจ่ายอีกกี่เดือน หากใครมีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโด ก็ลองรีเช็กกับทางสถาบันการเงิน หรือเช็กใบเสร็จจากยอดที่จ่ายไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ว่าเรายังมีหนี้ค้างอยู่อีกเท่าไหร่ และลองประมาณการดูว่า เราอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกนานเท่าไหร่ในการจ่ายหนี้ก้อนนี้ หรือกว่าที่เราจะเป็นอิสระจากภาระหนี้สินทั้งหมดที่มี จะได้เอาข้อมูลมาวางแผนหาช่องทาง โปะ จ่ายเพิ่มเพื่อลดหนี้ได้
 
3. เช็กเงินสำรองฉุกเฉินที่ควรมี กรณีขาดรายได้
 
เงินสำรองฉุกเฉิน หมายถึง เงินที่มีสภาพคล่องสูง สามารถเบิกถอนนำมาใช้ได้ง่าย และรวดเร็ว เช่น เงินฝากธนาคาร ที่เราจะสามารถนำมาใช้จ่ายได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุจำเป็นฉุกเฉิน ซึ่งเหตุฉุกเฉินในที่นี้ ไม่ได้หมายความถึงเรื่องการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุเท่านั้นนะคะ ด้วยสถานการณ์ช่วงโควิด-19 ภาวะเศรษฐกิจต่างๆ ไม่สู้ดีนัก เราอาจหมายความรวมไปถึงกรณีการถูกลดเงินเดือน การถูกเลิกจ้าง หรือเหตุฉุกเฉินอื่นใดที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย ซึ่งอย่างน้อยเราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินไว้ประมาณ 3 - 6 เดือนขึ้นไปเลยค่ะ
 
และเราสามารถประเมินได้ว่าเราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินเท่าไหร่ได้ง่ายๆ โดยการประเมินค่าใช้จ่ายต่อเดือนของตัวเอง ว่าหากเราขาดรายได้ใน 1 เดือน เรามีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าบัตรเครดิต รวมถึงยอดหนี้ที่เราต้องผ่อนในแต่ละเดือน ได้ยอดเท่าไหร่ก็ลองคูณไป  3 เดือน 6 เดือน ก็จะเป็นยอดเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อยที่เราควรมีนะคะ
 
ตัวอย่างการคำนวณเงินสำรองฉุกเฉิน 
 
เริ่มด้วยการประเมินค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของตนเอง โดยดูจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตก่อน เช่น
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว (เช่น ค่ากิน ใช้ เดินทาง อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ) เดือนละ 15,000 บาท
  • หนี้สินคงค้างที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน (เช่น ยอดผ่อนสินค้า ค่าบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล เป็นต้น) เดือนละ 4,000 บาท
  • ให้พ่อแม่ เดือนละ 5,000 บาท
*ดังนั้น เราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อยเดือนละ 24,000 บาท
 
จากตัวอย่างค่าใช้จ่ายข้างต้น จะเห็นได้ว่า เราต้องมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อยเดือนละ 24,000 บาท ซึ่งก็คือยอดเงินที่เราต้องมีเพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตในแต่ละเดือนได้ และหากเราถูกเลิกจ้าง หรือตกงาน เราก็ควรคำนวณเงินสำรองส่วนนี้ไว้อย่างน้อย 3 - 6 เดือน จนกว่าเราจะหางานใหม่ได้ หรือมีช่องทางหารายได้เพิ่มเข้ามาได้อีกนะคะ
 
4. เช็กความสามารถของตนเอง ว่าสามารถหารายได้เพิ่มจากช่องทางไหนได้บ้าง
 
เริ่มต้นปีใหม่ เราอาจจะเริ่มรีเช็กความสามารถของเราว่า นอกจากความสามารถในการทำงานปัจจุบันที่เราทำอยู่ เรายังมีความสามารถอื่นใด ที่จะช่วยก่อให้เกิดรายได้เพิ่มกับเราได้อีกบ้าง เช่น เราสามารถถ่ายรูปได้ ทำอาหารได้ หรือชอบพูดคุย แนะนำ ชอบขายของ ฯลฯ เราสามารถสร้างอาชีพรองให้กับตนเองเพิ่มสร้างรายได้ทางที่ 2 ไว้รองรับการใช้จ่าย หรือเพื่อเก็บออมให้ได้มากขึ้น และอาจจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินของเราได้เร็วยิ่งขึ้นนะคะ
 
5. เช็กช่องทางให้เงินทำงาน
 
หลังจากที่เราลงแรงทำงานหาเงินมาได้แล้ว การจะแค่เก็บออมไว้เฉยๆ หรือฝากเงินไว้กับธนาคารเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เงินที่มีผลิดอกออกผลช้าไปหน่อยค่ะ เราลองหาช่องทางให้เงินทำงานให่เราบ้าง ลองดูว่าเราได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องของการลงทุนเพิ่มเติมบ้างหรือยัง ถึงแม้การลงทุนจะมีความเสี่ยงแต่หากเราศึกษา และทำความเข้าใจให้ดีแล้ว เราอาจจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากกว่าการเก็บออมไว้เฉยๆ ก็เป็นได้ค่ะ (ตัวอย่างกองทุนรวมลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจ เลือกให้ดี กองทุนรวมลดหย่อนภาษีปี 2565 ตัวไหนดี ตัวไหนน่าสนใจ)
*อย่าลืมศึกษาข้อมูลการลงทุนให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนนะคะ
ได้ทริควางแผนการเงินกันแล้ว เริ่มวางแผนกันตั้งแต่ต้นปี ใครสามารถจัดการบริหารการเงินได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็เตรียมตัวขานรับความปังกันได้เลยค่ะ ขอให้ทุกคนสู้ๆ กับทุกวิกฤติที่ผ่านเข้ามา และประสบความสำเร็จกับทุกเป้าหมายที่วางไว้กันเลยนะคะ :)
แท็กที่เกี่ยวข้อง วางแผนการเงิน วางแผนการเงินแบบมืออาชีพ วางแผนการเงินปี 2565 ทริคการเงิน
Money Guru
เขียนโดย เช็คราคา.คอม Money Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)