"รีไฟแนนซ์" ดี-ไม่ดี ยังไง?...มาดูกัน!!
การรีไฟแนนซ์ (Refinance) คือการเปลี่ยนเจ้าหนี้ จากผู้ให้สินเชื่อเดิมเพื่อไปขอกู้จากผู้ให้สินเชื่อรายอื่นแทน เหตุผลที่คนส่วนใหญ่มักรีไฟแนนซ์คือ ผู้ให้สินเชื่อรายใหม่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หรือมีเงื่อนไขด้านอื่นๆ ที่จูงใจกว่าที่เดิม เช่น ให้เวลาผ่อนชำระยาวนานกว่า
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ คือ ความคุ้มค่า
โดยเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงว่าจะช่วยให้เราประหยัดได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์หรือไม่ เช่น
- ค่าจดจำนองหลักประกัน
- ค่าใช้จ่ายในการประเมินมูลค่าหลักประกัน
- ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทำประกัน
- ค่าปรับให้แก่เจ้าหนี้เก่า ในกรณีที่ยุติการกู้ก่อนระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา
ตัวอย่างการประมาณการเพื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ เพื่อประเมินเบื้องต้น ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์
ตัวอย่าง นาย ก ได้กู้เงินซื้อบ้านจากธนาคาร A เป็นเงิน 2,200,000 บาท โดยกู้มาแล้ว 2 ปี ขณะที่เงินต้นคงเหลือ 2,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่เดิมคือ 7% โดยนาย ก กำลังตัดสินใจว่าจะรีไฟแนนซ์ไปธนาคาร B ซึ่งจะคิดอัตราดอกเบี้ย 3% เป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (ให้สันนิษฐานว่าหลังจากหมดโปรโมชั่นแล้ว จะใช้อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ซึ่งเท่ากับอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินเดิม) แต่นาย ก ต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 3% ของยอดคงค้าง เพราะเพิ่งจะกู้ไม่ถึง 3 ปี
เมื่อคำนวณแล้ว การรีไฟแนนซ์ตามตัวอย่างนี้จะประหยัดเงินได้ประมาณ 240,000 - 84,000 = 156,000 บาท (ดูรายละเอียดในตารางด้านล่างนี้นะคะ)
หากพบว่าต้องเสียเวลาในการดำเนินการมาก แต่ช่วยประหยัดเงินได้นิดเดียว การใช้บริการผู้ให้สินเชื่อเดิมก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ดอกเบี้ยที่ประหยัดได้* | ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์* |
ดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ x จำนวนปีที่ได้โปรโมชั่น
- อัตราดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ = อัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้สถาบันการเงินเดิม - อัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่จะรีไฟแนนซ์
- จำนวนปีที่ได้โปรโมชั่น = จำนวนปีที่สถาบันการเงินแห่งใหม่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าสถาบันการเงินเดิม
จากตัวอย่าง คำนวณได้ดังนี้ ดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ (ประมาณ) = 2,000,000 x (7 - 3)/100 x 3 = 240,000 บาท | ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ
- ค่าจดจำนองหลักประกัน (1% ของวงเงินจำนอง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท)
- ค่าอากรแสตมป์ (0.05% ของวงเงินกู้ แต่ไม่เกิน 10,000 บาท)
ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้แก่สถาบันการเงินแห่งใหม่
ค่าปรับที่ต้องจ่ายให้แก่สถาบันการเงินเดิม เช่น ถ้าผ่อนส่งยังไม่ครบจำนวนปีที่กำหนดก็จะต้องจ่ายค่าปรับ เช่น 3% จากเงินต้นคงค้าง ทั้งนี้ แต่ละสถาบันการเงินอาจกำหนดค่าใช้จ่าย และค่าปรับไว้แตกต่างกัน เราจึงต้องสอบถาม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
จากตัวอย่าง คำนวณได้ดังนี้
- ค่าจดจำนองบ้าน = 20,000 บาท (2,000,000 x 1 / 100)
- ค่าอากรแสตมป์ = 1,000 บาท (2,000,000 x 0.05 / 100)
- ค่าประเมินหลักประกัน (ประมาณ = 3,000 บาท
- ค่าปรับ = 60,000 บาท (2,000,000 x 3 / 100)
|
ดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ทั้งสิ้นประมาณ = 240,000 บาท | ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น = 84,000 บาท |
*การคำนวณข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่าง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากสถาบันการเงินแต่ละแห่ง