เคลียร์ให้ชัด! ก่อนช้อป มาตรการ "ช้อปดีมีคืน"

icon 26 ต.ค. 63 icon 3,561
เคลียร์ให้ชัด! ก่อนช้อป มาตรการ "ช้อปดีมีคืน"

เคลียร์ให้ชัด! ก่อนช้อป มาตรการ "ช้อปดีมีคืน"

มาตรการ "ช้อปดีมีคืน" มาตรการที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี เป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 ที่ซื้อสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
โดยระยะเวลาของมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" จะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (23 ตุลาคม) ไปจนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2563 ซึ่งผู้ที่จะเข้าร่วมมาตรการจะต้องเก็บใบกำกับภาษีรูปแบบเต็มจากการซื้อสินค้าประเภทที่เข้าร่วมรายการไว้ เพื่อยื่นแบบภาษีกับกรมสรรพากรในช่วงเดือนมีนาคม 2564 แต่ยังมีหลายข้อสงสัยที่หลายๆ คนยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดอยู่ วันนี้เราจะมาดู 5 ข้อต้องรู้ ก่อนใช้สิทธิ "ช้อปดีมีคืน" กันค่ะ
ลงทะเบียน "คนละครึ่ง" ไปแล้ว แต่อยากเปลี่ยนมาใช้สิทธิ์ในมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" ทำไงดี?

สำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมมาตรการช้อปดีมีคืนจะต้องไม่เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิและใช้สิทธิในมาตรการ "คนละครึ่ง" และไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่เนื่องด้วยมาตรการ "คนละครึ่ง" ออกมาเปิดให้ลงทะเบียนก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 อาจมีหลายคนที่ลงทะเบียนไปแล้ว ส่วนมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" จะเริ่มให้ช้อปใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 
ดังนั้น หากใครลงทะเบียนในโครงการ "คนละครึ่ง" ไปแล้ว แต่อยากเปลี่ยนใจมาใช้สิทธิ์ในโครงการ "ช้อปดีมีคืน" แทนจะสามารถทำได้ ในกรณีที่หากเราลงทะเบียนมาตรการ "คนละครึ่ง" ไปแล้ว ในระยะเวลา 14 วัน และยังไม่มีการใช้สิทธิ์ เราจะถูกตัดสิทธิ์จากโครงการ "คนละครึ่ง" และสามารถมาใช้สิทธิ์ช้อปในมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" ได้ค่ะ 
ค่าลดหย่อนที่ได้รับจะสามารถรับเป็นเงินสดได้ไหม?

สำหรับเงินค่าลดหย่อนที่จะได้รับจากมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" เป็นสิทธิ์ที่เราจะใช้เป็นค่าลดหย่อนสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2563 จึงไม่สามารถรับเป็นเงินสดจากร้านค้าที่ซื้อสินค้าได้ แต่เราจะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีที่ยื่นกับกรมสรรพากรในช่วงต้นปี 2564 เท่านั้นนะคะ
ผู้มีรายได้ทุกคนสามารถรับสิทธิ์ในมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" หรือไม่?

สำหรับผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในมาตราการ "ช้อปดีมีคืน" ต้องเป็นผู้มีรายได้สุทธิทั้งปีมากกว่า 150,000 บาท หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ต้องเสียภาษีประจำปีค่ะ หากรายได้ที่เราได้รับยังไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ในมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" แต่เราอาจจะเลือกใช้สิทธิ์ในมาตรการ "คนละครึ่ง" แทน ก็จะได้รับประโยชน์มากกว่า
หากซื้อสินค้าที่ลดหย่อนได้ และลดหย่อนไม่ได้ในครั้งเดียวกันสามารถรวมยอดในใบเสร็จเดียวกันได้หรือไม่?

สำหรับการซื้อสินค้าทั้งที่เข้าเกณฑ์ และไม่เข้าเกณฑ์ลดหย่อนในใบเสร็จเดียวกัน เราสามารถทำได้ค่ะ เพียงแต่ยอดที่ร้านค้าจะออกใบกำกับภาษีให้เราจะเป็นเฉพาะรายการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้เท่านั้น โดยสินค้นที่เข้าเกณฑ์ลดหย่อนภาษีในมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" มีดังนี้ค่ะ 
  1. สินค้า และบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
  2. หนังสือ รวมถึง e-book ที่ผู้ขายเป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
  3. สินค้า OTOP ที่ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชนแล้ว ซึ่งจะเป็นสินค้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่เสียก็ได้ (สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.otoptoday.com)
ซึ่งทุกรายการที่ซื้อเราต้องขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบจากร้านค้า โดยในเอกสารจะระบุชื่อ และข้อมูลของเรา (ผู้ซื้อ) ข้อมูลผู้ขาย รวมถึงวันที่ที่ทำรายการ รายการสินค้าที่ซื้อ และจำนวนเงิน เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการขอคืนภาษีด้วยนะคะ
หรือหากเราซื้อสินค้าจากร้านค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เราต้องขอใบเสร็จรับเงินจากร้านค้าเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอลดหย่อนภาษี โดยในใบเสร็จต้องระบุ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขาย, ชื่อผู้ขาย, เลขลำดับของเล่มที่ออกใบเสร็จรับเงินฉบับนั้น, วันเดือนปีที่ออกใบเสร็จ, ชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อ, ระบุว่าสินค้าที่ซื้อเป็นอะไร จำนวนเท่าไหร่ และราคากี่บาท
ค่าลดหย่อนที่จะได้รับสูงสุด 30,000 บาท เท่ากันทุกคนหรือไม่?

สำหรับเงินคืนภาษีที่จะได้รับจริงๆ แล้วจะขึ้นอยู่กับเงินได้ และอัตราภาษีของเราค่ะ ไม่ใช่ได้รับเงินคืนภาษี 30,000 บาท แต่ที่จะได้คือ สิทธิค่าลดหย่อนที่จะได้รับจากการช้อปปิ้งยอดสูงสุด 30,000 บาท ซึ่งจะได้รับเงินคืนตามอัตราภาษี ดังนี้ค่ะ
  • เงินได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป เมื่อช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้รับคืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 2,000,001 - 5,000,000 บาท เมื่อช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้รับคืนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 1,000,001 - 2,000,000 บาท เมื่อช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้รับคืนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 750,001 - 1,000,000 บาท เมื่อช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้รับคืนภาษีสูงสุด 6,000 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 500,001 - 750,000 บาท เมื่อช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้รับคืนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 300,001 - 500,000 บาท เมื่อช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้รับคืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 150,001 - 300,000 บาท เมื่อช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้รับคืนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 0 - 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี จึงไม่ได้สิทธิ์คืนภาษีจากมาตรการ "ช้อปดีมีคืน"

เมื่อทราบข้อมูลครบถ้วน และเคลียร์กับทุกข้อสงสัยกันแล้ว ก็วางแผนช้อปให้ดีนะคะ ยังไงก็อย่าเผลอช้อปจนกระเป๋าฉีกนะคะ 
แท็กที่เกี่ยวข้อง ลดหย่อนภาษี มาตราการรัฐ ช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษี 2563 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
Money Guru
เขียนโดย เช็คราคา.คอม Money Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่



เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)