ธ.ทิสโก้พลิกวิธีวางแผนลดหย่อนภาษีแบบใหม่ ในคอนเซ็ปต์ Megatrends Retirement Planning ปั้นรีเทิร์นสูง-สร้างรายได้ประจำ-คุ้มครองสุขภาพหลังเกษียณ

ข่าว icon 14 ธ.ค. 65 icon 1,690
ธนาคารทิสโก้แนะวิธีวางแผนภาษีปลายปี พร้อมวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณภายใต้คอนเซ็ปต์ Megatrends Retirement Planning ด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. การวางแผนการลงทุน ผ่านกองทุนเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่เน้นลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ จีน และเวียดนาม 2. การเพิ่มความมั่นคงรายได้ในวัยเกษียณ ผ่านประกันบำนาญ และ 3. การวางแผนประกันสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคมของทุกปี เป็นช่วงที่คนไทยให้ความสนใจต่อการซื้อกองทุนและประกัน เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการลดหย่อนภาษี อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การวางแผนเกษียณในระยะยาวมีศักยภาพยิ่งขึ้น ธนาคารทิสโก้ จึงแนะนำว่าควรจะหันมาให้ความสำคัญ ในด้านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Megatrends Retirement Planning ซึ่งเป็นการวางแผนการเกษียณรูปแบบใหม่ ที่จะช่วยทำให้การวางแผนการเงินเท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับสูง รวมถึงช่วยในเรื่องการปิดความเสี่ยงของวัยเกษียณได้ดีขึ้น จากเดิมที่เป็นการเน้นวางแผนสำหรับลดหย่อนภาษีรายปี

สำหรับในปี 2565 ธนาคารทิสโก้แนะนำให้ลงทุนลดหย่อนภาษีผ่านกองทุนคุณภาพที่เน้นธุรกิจแห่งอนาคต (Megatrends Investment) และปกป้องความเสี่ยงหลังเกษียณที่สอดรับกับกระแสโลก (Megatrends Protection) ด้วยประกันบำนาญที่มุ่งสร้างผลประโยชน์สูงสุดในขณะดำรงชีวิต (Living Benefit) ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย และประกันโรคร้ายแรงที่มีทุนประกันสูง โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้

1. "การวางแผนการลงทุน" ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่งคั่งและสร้างเงินก้อนก่อนเกษียณ ผ่านกองทุนลดหย่อนภาษี กองทุนเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่นอกจากได้ประโยชน์ด้านการประหยัดภาษีแล้ว นักลงทุนสามารถออกแบบพอร์ตการลงทุนที่เน้นหุ้นในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูงในระยะยาวตาม Megatrends เช่น หุ้นกลุ่ม Technology และ Health Care ที่เป็นสินค้าและบริการที่มีความต้องการเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากสังคมผู้สูงอายุและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยหุ้นกลุ่ม Technology (MSCI ACWI Information Technology) และ Health Care (MSCI ACWI Health Care) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ( ณ วันที่ 31 ต.ค. 2565) เฉลี่ยปีละ 16.47% และ 11.87% ตามลำดับ มากกว่าผลตอบแทนดัชนี MSCI ACWI ที่เติบโตเพียง 8.54%

รวมไปถึงหุ้นในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงในระยะยาว อย่างเช่น จีน และเวียดนาม ที่ปีนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจนมูลค่าหุ้น (Valuation) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E) ของดัชนี MSCI China และ ดัชนี Vietnam ปัจจุบันอยู่ที่ 10.33 เท่า และ 9.45 เท่า ตามลำดับ ขณะที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 10.62 เท่า และ 12.28 เท่าตามลำดับ แต่การเติบโตในระยะยาวยังถือว่าดีอยู่ โดยนักลงทุนสามารถที่จะออกแบบพอร์ตการลงทุนเพื่อการเกษียณและกระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว การสร้างความมั่งคั่งและเงินก้อนก่อนเกษียณที่มากเพียงพอ

นอกจากนี้ SSF ยังลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 2 แสนบาท ส่วน RMF จะลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้ เมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ แล้วจะต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

2."การเพิ่มความมั่นคงรายได้ในวัยเกษียณ" จากการสร้างระบบบำนาญส่วนตัวให้กับตนเองได้ ผ่านการทำ "ประกันชีวิตแบบบำนาญ" ซึ่งเป็นประกันชีวิตที่ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยประกันไปในช่วงก่อนเกษียณ เพื่อที่จะได้รับเงินบำนาญที่สม่ำเสมอตลอดช่วงหลังเกษียณที่จ่ายผลประโยชน์ยาวนานถึง 99 ปี เพื่อตามอายุขัยเฉลี่ยที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เราควรเลือกกรมธรรม์ที่จ่ายเงินผลประโยชน์ช่วงหลังเกษียณอายุสูง อาทิ จ่ายผลประโยชน์ให้ปีละ 24% ของทุนประกัน อีกทั้งยังต้องมีความยืดหยุ่นให้ผู้รับประโยชน์สามารถเลือกความถี่ของการรับเงินผลประโยชน์ได้ แบบรายปีหรือรายเดือน เสมือนการมีแหล่งรายได้ที่มั่นคงในยามเกษียณ

สำหรับเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท แต่เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

3."การวางแผนประกันสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง" ที่จะทำหน้าที่ในการปกป้องความมั่งคั่ง เนื่องจากค่าใช้จ่ายหลักในวัยเกษียณมักจะเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมากกว่า 9% ต่อปี โดยการวางแผนซื้อประกันสุขภาพเบื้องต้นแนะนำความคุ้มครองค่ารักษาอย่างน้อย 3 - 5 ล้านบาท ครอบคลุมค่าห้องพักเดี่ยวมาตรฐานทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน และคุ้มครองสูงสุดถึงอายุ 99 ปี ส่วนประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่เน้นรับเงินก้อนเพื่อการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้คุณภาพการรักษาพยาบาลดียิ่งขึ้นและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่สามารถเคลมกับประกันสุขภาพได้ ทั้งนี้ควรเน้นแบบที่ให้ความคุ้มครองกลุ่มโรคร้ายแรงมากที่สุดและจ่ายผลประโยชน์สูงสุดเมื่อเราเป็นระยะเริ่มต้น และไม่มีระยะเวลารอคอยระหว่างกลุ่มโรค ทั้งนี้ประกันสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงควรเริ่มต้นทำให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆทางด้านสุขภาพที่มักจะเสื่อมสภาพไปตามอายุ

นอกจากนี้ ประกันสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตต้องไม่เกิน 1 แสนบาท
 
ดูข่าว/อีเว้นท์การเงินอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวการเงิน ข่าวธนาคารทิสโก้ Megatrends Retirement Planning ข่าวการเงิน 2565 ข่าวธนาคารทิสโก้ 2565 วิธีวางแผนลดหย่อนภาษีแบบใหม่ ปั้นรีเทิร์นสูง สร้างรายได้ประจำ คุ้มครองสุขภาพหลังเกษียณ

ข่าวและอีเว้นท์การเงินล่าสุด

ธอส. นำโปรโมชันสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำ 6 เดือนแรกเพียง 1.99% ต่อปี ร่วมงาน "Thailand Smart Money ระยอง ครั้งที่ 7" ระหว่างวันที่ 28 - 30 มิ.ย. 2567
เปิดบัญชีเงินฝากประจำ ซูเปอร์ ซีเนียร์ ได้ดอกเบี้ยสูง 2.2% ต่อปี ฟรีประกันอุบัติเหตุ สูงสุด 3 ล้านบาท*
MONEY EXPO 2024 BANGKOK เปิดยิ่งใหญ่ ชู 7 โซนบริการการเงินการลงทุนครบวงจร แบงก์ นอนแบงก์ ประกัน เสิร์ฟโปรโมชั่นแรงแห่งปี
ออมสิน ออกสินเชื่อต้อนรับเปิดเทอม แบ่งเบาภาระผู้ปกครองตามนโยบายรัฐ ครอบคลุมค่าเทอม ชุดนักเรียน และอุปกรณ์ ดอกเบี้ยคงที่ 0.60% ต่อเดือน ผ่อนนาน 1 ปี


เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)