ปี 2025 นับเป็นฤดูกาลแห่งความท้าทายของ
ยามาฮ่า ค่ายจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเวทีมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก ซึ่งเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ต้องตัดสินใจอย่างกล้าหาญ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในยุคใหม่
ในศึก โมโตจีพี ซึ่งมีการแข่งขันระดับสูงและความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ยามาฮ่า ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยาวนานกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง หรือ Inline-4 เดินหน้าพัฒนาอย่างหนักภายใต้การนำทัพของ เปาโล ปาเวซิโอ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการด้านมอเตอร์สปอร์ต แทนที่ ลิน ยาร์วิส
รถแข่ง YZR-M1 ภายใต้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเร็วที่ยอดเยี่ยม บวกกับการควบคุมรถอย่างคล่องแคล่ว จากการคว้าโพลโพซิชันมาได้ถึง 5 ครั้ง จากผลงานของ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลก 1 สมัยชาวฝรั่งเศส และเขาทำผลงานในการควอลิฟายเฉลี่ยเป็นอันดับ 3 ของฤดูกาล 2025 อย่างไรก็ดี YZR-M1 ยังต้องเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขัน และนั่นนำมาซึ่งการพัฒนารถแข่ง YZR-M1 เวอร์ชัน V4 คู่ขนานกันไปตลอดทั้งฤดูกาล โดยมี อันเดรีย โดวิซิโอโซ และ ออกุสโต เฟร์นันเดซ ทำหน้าที่ทดสอบอย่างเข้มข้น
ยามาฮ่า ส่งรถแข่ง YZR-M1 เวอร์ชัน V4 ลงแข่งขันด้วยสิทธิไวลด์การ์ด 3 ครั้ง ในปี 2025 และทุกครั้งภายใต้การบิดของ เฟร์นันเดซ ก็ได้คำตอบที่น่าสนใจ และในการทดสอบหลังจบฤดูกาลที่ บาเลนเซีย ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักบิดตัวหลักของทีม
กวาร์ตาราโร ที่ตั้งความคาดหวังไว้สูง ยังมองว่าทุกคนยังต้องทำงานหนักเพื่อพัฒนารถแข่งใหม่นี้ให้ลงตัว ขณะที่ทีมเมทอย่าง อเล็กซ์ รินส์ รวมถึง แจ็ค มิลเลอร์ สัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมของ YZR-M1 เวอร์ชัน V4 นอกจากนี้ ยามาฮ่า ยังตัดสินใจเซ็นสัญญาแชมป์โลก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 3 สมัยอย่าง โทปรัค ราซกัตลิโอกลู นักบิดชาวเติร์กเข้าสู่ทีม พรามัค ยามาฮ่า และเขาก็มีผลทดสอบที่ยอดเยี่ยม
การตัดสินใจอันกล้าหาญของ ยามาฮ่า ที่เปลี่ยนจากเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง หรือ Inline-4 มาสู่ YZR-M1 เวอร์ชัน V4 จึงถือเป็นก้าวสำคัญอย่างมากที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของพวกเขา เพื่อทวงคืนความยิ่งใหญ่ใน โมโตจีพี นับตั้งแต่ปี 2026 และก้าวสู่กฎใหม่ในปี 2027 ที่จะปรับความจุเครื่องยนต์เป็น 850 ซีซี
ขณะเดียวกัน ในเวที เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025 ยามาฮ่า ยังคงยืนหยัดต่อสู้ในกลุ่มท็อปอย่างสมศักดิ์ศรี ภายใต้การควบคุมรถแข่ง YZF-R1 โดย อันเดรีย โลคาเตลลี ดาวบิดอิตาเลียนและ โจนาธาน เรีย ทว่าหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญในเวทีโปรดักชันนี้ คือการเปิดตัวรถแข่ง YZF-R9 รถแข่งซูเปอร์สปอร์ตตัวใหม่ล่าสุดของทีม ซึ่งสร้างความฮือฮาอย่างมากใน เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ 2025
เพราะเพียงปีแรกที่ส่งลงสู่สนามแข่งระดับชิงแชมป์โลก รถแข่ง YZF-R9 ก็ผงาดคว้าแชมป์โลกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งและการบิดของ สเตฟานโน มานซี นักบิดอิตาเลียน ที่ผนึกเข้ากันได้อย่างตัว
มานซี พารถแข่ง YZF-R9 ทะยานขึ้นโพเดียมได้ถึง 20 ครั้ง และเป็นการคว้าชัยชนะได้มากถึง 11 เรซในปี 2025 เขาเก็บไปได้ทั้งหมด 466 แต้ม ครองแชมป์โลกได้แบบไร้คู่ต่อกร ขณะเดียวกัน ตำแหน่งรองแชมป์โลกยังเป็นของนักบิดยามาฮ่าอีกคน นั่นคือ จัน ออนจู ชาวเติร์ก ที่คว้าชัยได้ถึง 6 ครั้ง ซึ่งถือเป็นปีที่ ยามาฮ่า สร้างสถิติใหม่มากมายในเวที เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต
ข้ามฟากมาสู่ทวีปเอเชีย เป็นอีกครั้งที่ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม กลับมาเขย่าเวทีการแข่งขัน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 โดย ตี-อนุภาพ ซามูล มีลุ้นแชมป์จนถึงเรซสุดท้าย แม้จะพลาดแชมป์เอเชียอย่างน่าเสียดายด้วยคะแนนเท่ากันกับ คาสม่า แดเนียล คาสมายูดิน นักแข่งยามาฮ่าชาวมาเลเซีย แต่นั่นถือเป็นความสำเร็จอย่างมากของทีม ที่มีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อก้าวสู่อนาคต
ในรุ่น เอเชีย โปรดักชัน 250 ซีซี ไอเดีย-กฤตภัทร เขื่อนคำ ก็โชว์ให้เห็นความเร็วจากประสบการณ์เรซระดับโลก คว้ารองแชมป์เอเชียมาครองได้สำเร็จ และในรุ่นนี้ ยามาฮ่า ได้ค้นพบเลือดใหม่ของทีมอย่าง กัส-ธีรนัย ทับทิม ที่โชว์ฟอร์มอย่างน่าประทับใจในไวลด์การ์ดครั้งแรกที่ บุรีรัมย์
และอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของ ไทยยามาฮ่า คือได้รับการยอมรับให้เป็น ศูนย์กลางของ เอเชีย-แปซิฟิก ในการพัฒนานักบิดดาวรุ่งยามาฮ่า ภายใต้โครงการสุดล้ำค่าอย่าง Yamaha R3 BLU CRU Asia-Pacific โดยนักแข่งระดับเยาวชนจากโครงการนี้ยกระดับความสามารถขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อันเดรีย โดโซลี บอสใหญ่ด้านมอเตอร์สปอร์ตของ ยามาฮ่า มอเตอร์ ยุโรป ได้เดินทางมาชมการแข่งขันและติดตามการทำงานของ ไทยยามาฮ่า อย่างใกล้ชิดในฐานะผู้ดูแลโครงการ Yamaha R3 BLU CRU Asia-Pacific และประเทศไทยก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในแง่มาตรฐานการจัดการแข่งขัน และวิธีที่ใช้ในการดูแลนักแข่งระดับเยาวชน
โดยความร่วมมือนี้มีเป้าหมายระยะยาว ไทย ถูกวางเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาดาวรุ่งจากเอเชีย เพื่อก้าวสู่การแข่งขันระดับโลก และนั่นคือความสำเร็จ คือความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของ "ไทยยามาฮ่า" ในฐานะผู้ปลุกปั้นโครงการนี้
หากย้อนกลับไปชมเส้นทางของ ยามาฮ่า ในปี 2025 กับเส้นทางมอเตอร์สปอร์ตทุกระดับทั่วโลก นี่คือเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกล้าหาญ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการเป็น เบอร์หนึ่ง ของโลกอีกครั้งในทุกเวที