คู่หูนักบิดจาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ได้แก่ อเล็กซ์ รินส์ และ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ฝ่าฝ่าสถานการณ์สุดหินในอรากอน กรังด์ปรีซ์ หลังเจอปัญหากับสภาพแทร็กในอากาศร้อน ด้าน เอลดิอาโบล-ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยืนยันปรับปรุงฟีลลิ่งได้ดีขึ้น ขณะ อเล็กซ์ รินส์ ย้ำทำงานหนักประเมินการเซ็ตติ้ง
ในรอบสปรินต์เรซ นับเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ สองนักบิด มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี อย่าง กวาร์ตาราโร และ รินส์ ต้องเจอกับงานสุดท้าทาย แต่ก็ยังสามารถยกระดับความเร็วต่อรอบสำหรับการควอลิฟายได้ดี โดย กวาร์ตาราโร ผ่านจาก Q1 ขึ้นมาคว้ากริดที่ 9 ก่อนจะบิดคว้าอันดับ 11 ใน สปรินต์เรซ ตามหลังผู้ชนะ 13.331 วินาที ส่วน รินส์ ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 15 และเข้าป้ายในอันดับ 14 ตามหลัง 17.202 วินาที
กวาร์ตาราโร เปิดเผยว่า “เราบริหารสิ่งต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงฟีลลิ่งอย่างมากในวันเสาร์ ดังนั้นกับเรื่องนี้เราก็สามารถที่จะสร้างความพอใจได้ สปรินต์เรซ ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่ฟีลลิ่งกับตัวรถก็ยังถือว่าดีขึ้น ยังมีพื้นที่ที่ต้องปรับปรุงแต่โดยรวมถือเป็นวันที่ดี พรุ่งนี้ (วันอาทิตย์) ผมจะลงแข่งด้วยยางหลังมีเดียม ซึ่งตามหลักการแล้วน่าจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง แต่ในทางปฏิบัติผมคิดว่าเราน่าจะต่อสู้เพื่อชิงอันดับ 7-9 ได้”
รินส์ กล่าวว่า “เรายกระดับประสิทธิภาพแบบก้าวกระโดด และปรับปรุงเวลาต่อรอบได้ถึง 0.8 วินาที ขณะที่ฟีลลิ่งก็ดีขึ้นอย่างมาก เราจึงก้าวสู่ สปรินต์เรซ ด้วยความมั่นใจ แต่ในช่วงเช้าสภาพแทร็กดีกว่าช่วงบ่ายมาก นั่นทำให้เราเจอปัญหาแบบเดียวกับบ่ายวันศุกร์ในสภาพอากาศร้อนจัด เรามีปัญหาการเบรกและการคุมรถให้อยู่ในแทร็กลิมิต มาดูกันว่าเราจะทำอะไรได้บ้างสำหรับเมนเรซในวันอาทิตย์ เราต้องประเมินกันให้ดี เพราะวันนี้ไม่ง่ายเลย”
หลังจากยกระดับรถแข่ง M1 ขึ้นแบบก้าวกระโดด จนคว้าโพล 3 สนามติด ยามาฮ่า ก็กลับมามีความหวังในการคัมแบ็กสู่กลุ่มหน้าของ โมโตจีพี อีกครั้ง โดย มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยการทีม มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี เปิดเผยก่อนเข้าสู่สุดสัปดาห์นี้ว่า ต้องการใช้ อรากอน กรังด์ปรีซ์ เพื่อยืนยันความคืบหน้าที่ทำได้ต่อเนื่องจากสนามที่ผ่านมา และ มอเตอร์แลนด์ อรากอน ก็เป็นสนามที่เหมาะสมมากที่จะใช้วัดประสิทธิภาพรถแข่ง เพราะเป็นแทร็กที่ไม่เข้าทาง ยามาฮ่า เลย
ตลอดทั้งสุดสัปดาห์ กวาร์ตาราโร และ รินส์ ต้องเจอปัญหาการยึดเกาะอย่างหนักที่ล้อหลัง โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่มีอากาศร้อนสุด ๆ แม้จะยกระดับขึ้นมาได้ในวันเสาร์ แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการสร้างความคืบหน้าใน เมนเรซ โดย รินส์ ที่ออกตัวจากกริดที่ 15 และเจอปัญหาเล่นงานในช่วงต้นการแข่งขัน ก่อนจะกอบกู้สถานการณ์ขึ้นไปจบเรซในอันดับ 11 ด้วยเวลารวม 41 นาที 30.841 วินาที ตามหลังผู้ชนะ 19.646 วินาที ส่วน กวาร์ตาราโร เริ่มเกมจากกริดที่ 9 และต่อสู้ในกลุ่มกลางได้ดีก่อนจะพลาดล้มออกจากเรซ
รินส์ กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า “ผมเจอปัญหาเล่นงานในช่วง 10-12 รอบแรก แต่หลังจากรอบที่ 12 ก็เริ่มที่จะใช้ยางมีเดียมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยเวลาต่อรอบราว ๆ 1.47 ผมขี่ได้เร็วมากที่ครึ่งหลังของเรซ เราจำเป็นต้องแก้ไขจุดนี้ และหาบางสิ่งที่จะช่วยให้ผมเร็วขึ้นในช่วงต้นเรซ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ แน่นอนว่าเราจะมีการเทสต์ในวันจันทร์ เราจะได้ทดสอบอุปกรณ์ใหม่ที่ ออกุสโต้ ได้เทสต์ในเรซด้วย ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญมาก”
ด้าน กวาร์ตาราโร ที่ไม่จบเรซเปิดเผยว่า “ผมเจอปัญหาบางอย่างเหมือนกับในรอบ สปรินต์ การยึดเกาะของเราได้รับการปรับปรุง และดีขึ้นรอบต่อรอบ เพราะเนื้อยางที่ถูกบดอัดลงบนแทร็กจำนวนมาก (จากรถแข่งทุกคันตลอดทั้งสุดสัปดาห์) แต่เมื่อผมเริ่มเค้นมากกว่าเดิมแค่นิดหน่อย ก็เสียการยึดเกาะที่ล้อหน้า เราต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่าเป็นเพราะอะไร และจะมีการทดสอบที่นี่ในวันจันทร์ วันนี้ (ในเรซ) เราได้เห็นว่าเรายังต้องปรับปรุงกันต่อ แต่ผมคิดว่าที่ มูเจลโล และ แอสเซ่น เราจะมีความเร็วกว่าที่นี่เยอะมาก”
ทั้งนี้ สองนักบิดยามาฮ่ามีคิวในการทดสอบ “ออฟฟิเชียล เทสต์” ที่ มอเตอร์แลนด์ อรากอน ในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการทดลองชิ้นส่วนใหม่ เพื่อหาแนวทางยกระดับรถแข่ง M1 โดยมีเป้าหมายเพื่อสานต่อการทำงานให้ได้ หลังจากที่นักบิดทดสอบอย่าง ออกุสโต้ เฟร์นันเดซ ลงแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดครั้งแรกในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา