หลังจากเปิดตัวไปไม่นานทาง
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ก็จัดให้สื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะจริงของตัวรถทั้ง 2 รุ่น แบบเต็มที่ในแทร็คของสนามช้างฯ โดยการทดสอบแบ่งออกเป็น 3 เชสชั่น และแบ่งกลุ่มทดสอบออกเป็น 3 กลุ่มตามจำนวนสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ที่ร่วมขี่ในครั้งนี้ ผู้เขียนอยู่ในกลุ่ม 2 หลังฟังบรรยายรายละเอียดตัวรถในช่วงเช้าของทั้ง
สปีด ทริปเปิล 1200 อาร์อาร์ และ
สปีด ทริปเปิล 1200 อาร์เอส ซึ่งแม้มีพิ้นฐานเครื่องยนต์ เฟรม และโครงสร้างช่วงล่างที่เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในแง่รูปลักษณ์ ประเภทรถ และรายละเอียดพาร์ตมากพอสมควร รวมไปถึงราคาที่ต่างกัน 100,000 บาท
ผู้เขียนเริ่มต้นเซสชันแรกกับ สปีด ทริปเปิล 1200 อาร์อาร์ สีขาว มีเวลา 10 นาที ก่อนหน้าก็ยังไม่เคยขี่เรียกว่าลงไปทำความรู้จักรถในสนามเลยทีเดียว ต้องพยายามทำความคุ้นชินกับรถให้ไวที่สุดเพื่อได้ลองสัมผัสสมรรถนะได้อย่างทีต้องการ ด้วยประสบการณ์ที่เคยขี่แต่สปอร์ตไบค์หลากหลายคลาสในแทร็ค เมื่อต้องมาขี่ สปีด ทริปเปิล 1200 อาร์อาร์ รูปทรงมีเอกลักษณ์เฉพาะดูไม่ใช่ซูเปอร์ไบค์ และก็ไม่ใช่เน็กเกดเพราะนั่นมี อาร์เอส อารมณ์คาเฟ่ เรเซอร์ ภายใต้ความเป็นเนกเกตไบค์ แตกต่างตรงตำแหน่งแฮนด์บาร์ที่ต่ำและลีนไปข้างหน้ามากกว่า รวมไปถึงที่พักเท้าอยู่สูงและล่นไปด้านหลังมากกว่าตัวอาร์เอส ทำให้ท่านั่งสปอร์ตมากกว่า แต่ก็ไม่เหมือนกับซูเปอร์ไบค์แท้ๆ จุดเริ่มต้นกับรถที่พิตมีเวลาไม่มาก การไล่เซ็ตค่าต่างๆ ทำได้แค่เพียงโหมดสปอร์ต ก่อนหน้าที่จะมาขี่ในแทร็คตอนลองเข็นเพื่อถ่ายรูปก็พบว่ากุญแจคีย์เลสให้ความสะดวกไม่น้อย ฝาถังน้ำมันก็คีย์เลสด้วย แต่ทำให้การสตาร์ทระบบนานไปจนสังเกตุได้มีอย่างน้อยก็น่า 2 วินาที พอให้คิดว่ามันโอเคใช่ไหม กว่าจะได้เห็นภาพกราฟฟิกปรากฎบนเรือนไมล์
เมื่อสตาร์ทเครื่องพร้อมออกจากพิตเลนเสียงรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1,160 ซีซี 180 แรงม้า ไม่ถึงกับดังจนปลุกเร้าอารมณ์มากนัก ผู้เขียนเดินคันเร่งออกไปแบบนุ่มนวลตามความเร็วที่กำหนด และระวังเรื่องอุณหภูมิยางที่ไม่ได้ผ้าห่มอุ่นยางมาก่อนขี่ รวมทั้งรถเองก็ใหม่มากเหมือนออกจากโรงานก็ขนมาลงสนามกันเลย
เซสชั่นแรกจึงแค่ขี่ให้ชินกับท่านั่ง การตอบสนองของแรงบิด เกียร์ควิกชิฟต์ และเบรก เวลา 10 นาทีนับว่าไม่นาน จบเซสชั่นแรกด้วยความรู้สึกเหมือนที่คาดไว้แรงบิดของเครื่องยนต์มาดีและไวตามสไตล์ไทรอัมพ์ เบรกชะลอหยุดให้น้ำหนักและฟิลลิ่งตอบกลับที่นุ่มนวลทรงพลัง แต่เสียงไม่เร้าใจเหมือนพวกสปอร์ตไบค์รอบจัด อย่างไรก็ตามจัดว่าเป็นรถที่ขี่ง่าย แต่ตอนหมอบหลบลมพบว่าชิลด์หน้าแบบนี้ยาวมาจนใกล้หมวกและเผลอกระแทกในบางจังหวะถ้าไม่ระวัง ในใจคิดว่าไม่น่าเป็นรถสำหรับแทร็คเต็มตัวอาจไว้สำหรับบิดสนุกบนถนนไฮเวย์เปิดโล่ง แต่ในบ้านเราจะมีถนนเนียนๆ ทำความเร็วได้แบบนั้นหรือเปล่า
ในเซสชั่นที่ 2 ได้มาสัมผัสกับฟิลลิ่งเนกเกตรหัส อาร์เอส ที่คร่อมแล้วรู้สึกน่าสนุกทันที จากข้อมูลความต่างกับอาร์อาร์นอกจากรูปลักษณ์แล้วก็มีเรื่องของช่วงล่างที่ไม่ได้ปรับไฟฟ้ากับยางต่างยี่ห้อเพราะเน้นการขี่แบบสตรีทมากกว่า 10 นาทีกับพลัง 180 แรงม้า ท่านั่งแบบสบายหลังตรงมากกว่า ให้ความสนุกตั้งแต่ควบรถเข้าแทร็ค รถตอบสนองดีเหมือนกับอาร์อาร์ในเซสชั่นแรก รู้สึกขี่ง่ายและสนุกกว่าแต่ช่วงไต่ความเร็วสูงก็ต้องสู้กับแรงลมที่ปะทะเข้ามาโดนตัวเต็มๆ อย่างไรก็ตามจบสองเซสชั่นด้วยความรู้สึกเอนเอียงความชอบไปที่อาร์เอสมากกว่า
เซสชั่น 3 พิเศษผู้เขียนกลับมาเลือกขี่รุ่นอาร์เอสอีกครั้ง รอบนี้มีความคุ้นเคยกับขุมพลัง ควิกชิฟท์ และฟิลลิ่งการเบรก ทำให้เพลิดเพลินไปกับการขี่บนแทร็ค สนุกไปกับตัวรถอย่างเต็มที่ การตอบสนองระหว่างเกียร์ต่อเนื่องและราบรื่นมาก ความเร็วที่เหลือบมองก่อนลดความเร็วเข้าโค้ง 3 มีไม่ต่ำกว่า 230 กม./ชม. แต่การรวบเกียร์พร้อมชะลอเบรกให้ความมั่นใจได้มากจริงๆ รถตอบสนองการขี่แบบแทร็คได้ดีตลอดเซสชั่นจบเวลา 10 นาทีไปอย่างไม่รู้ตัว
สรุปการลองขี่ทดสอบไทรอัมพ์ สปีด ทริปเปิล 1200 ทั้งสองรุ่นสองสไตล์บนแทร็คสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล สัมผัสสมรรถนะจริงๆ แบบที่ทำไม่ได้บนถนนทั่วไป แม้เป็นช่วงสั้นๆ คิดเป็นเวลาราว 30 นาที บอกแบบเร็วๆ ได้ว่าชอบรุ่นอาร์อาร์กับการขี่ครั้งนี้ ตอนแรกเลือกอาร์เอสว่าขี่สนุกและง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ พอได้ขี่อาร์อาร์อีกเซสชั่นก็เริ่มเข้ามือคุ้นตัวรถ เข้าออกโค้งได้สนุุกกว่า ที่เหลือคงรอขี่แบบสตรีทเดินทางไกลอีกสักแมทช์ อย่างไรก็ตามด้วยราคา 599,000 บาท กับ 699,000 บาท เป็นค่าตัวที่ชวนให้คิดไม่น้อย แค่ตัวเลือกแบรนด์ไทรอัมพ์ด้วยกันเองยังหานำ้หนักในการเลือกลำบาก เอาเป็นว่าถ้าต้องการรถหล่อ เท่ พรีเมียมทุกรายละเอียด และไฮเทคสุดๆ พร้อมสไตล์เฉพาะตัว สตรีท ทริปเปิลทั้งสองรุ่นนี้ก็พร้อมเข้าประกวดรถในลิสต์โดนใจใครสักคน
18 เม.ย. 65
8,747
