
บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เปิดตัว รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด All New CBR150R จากตระกูล CBR Series ที่ติดตั้งเทคโนโลยี Assist Slipper Clutch โช้กหัวกลับ และเบรก ABS ไปเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้โอกาสเชิญสื่อมวลชน พร้อมทีมงานมอเตอร์ไบค์กูรู โดย เช็คราคา.คอม ร่วมทดสอบในแทร็คของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นการขี่แบบแทร็คเดย์เพื่อสัมผัสความรู้สึกด้านสมรรถนะอย่างจริงจัง

ปกติการขี่มอเตอร์ไซค์ในสนามช้างฯ มักเป็นบิ๊กไบค์เพราะมีพลังมากพอให้ขี่สนุกรับกับแทร็คสนามแข่งระดับโลก แต่พอเป็นคลาส 150 ซีซี อย่าง All New CBR150R ที่มีพลังราว 17 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 14.4 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบต่อนาที อาจทำให้หลายคนมองว่ารถกับสถานที่ไม่น่าตอบรับกันเท่าไหร่ แต่ Test on Track สำหรับผู้เขียนไม่ได้มุ่งหวังด้านการทำเวลาต่อรอบดีที่สุดหรือสนุกกับการขี่อย่างเดียว การขี่ทดสอบในแทร็คทำให้เราได้ลองรถสแตนดาร์ดในสถานการณ์ที่มักทำไม่ได้บนถนนสาธารณะ ที่สำคัญคือ ความปลอดภัยมีมากกว่าการไปลองบนถนนจริง

การขี่ทดสอบถูกแบบออกเป็น 3 เซสชั่นตามมาตรฐานแทร็คเดย์ โดยให้เวลา 15 นาทีต่อเซสชั่น ในเซสชั่นแรกก็เป็นการทำความคุ้นเคยกับตัวรถ และจังหวะต่างๆ ในสนาม เบื่องต้นพบว่าท่านั่งหรือไรดิ้งโพซิชั่นกับผู้เขียนที่หนัก 65 กก. สูง 171 ซม. บวกความสูงของเรซซิ่งบูธอัลไพน์สตาร์อีกราว 25 ซม. จากตำแหน่งแตะพักเท้า ส่วนตัวรู้สึกว่าเบาะสั้นไปเมื่อขี่ไปก็ต้องขยับก้นไปเกยเบาะคนซ้อนในจังหวะที่ต้องก้มหมอบ การทำความเร็วไปมักไปแช่อยู่ที่ 134-137 กม./ชม. ขึ้นกับความชันและทิศทางลมของแทร็ค หลังจากจบเซสชั่นแรก ออกมาพักเพื่อสลับกลุ่มอื่นขี่ต่อ พักไม่นานก็ต่อด้วยเซสชั่น 2 และ3 จบการทดสอบ รวมเวลาขี่จริงราว 45 นาที สรุปได้ว่า การขี่ในแทร็คที่ต่างจากถนนทั่วไปโดยสิ้นเชิงเหมาะกับการไว้อ้างอิงด้านสมรรถนะจริงๆ ให้อัตราเร่งที่น่าพอใจ ไม่รู้สึกอึดอัดมากนักแม้ขี่ในแทร็ค ด้วยตัวรถสแตนดาร์ด ยางเดิมติดรถ ก็รองรับการขี่ได้อย่างน่าพอใจตลอด 3 เซสชั่น คือ มองในมุมที่เป็นรถสปอร์ตสตรีทรุ่นเล็ก มาขี่ในแทร็คแข่งระดับโมโตจีพีก็วัดแค่สมรรถนะและการควบคุมที่เอื้อให้ขี่ได้มากกว่าบนถนน ระบบเบรกก็ใช้แค่ชะลอเบาก่อนเข้าโค้ง ไม่มีเคสที่ต้องเบรกฉุกเฉิน หรือได้ลองครบทุกมุมเหมือนในสนามทดสอบรถจริงๆ

All New CBR150R รุ่นมีเอบีเอส ค่าตัว 99,000 บาท หรือจ่ายหนึ่งแสนบาทมีทอนก็นับว่าเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้มอเตอร์ไซด์สปอร์ตน้ำหนักเบาคลาสเล็ก โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์และสีไตรคัลเลอร์ใหม่ ประหยัดกับค่าดูแลรักษา ใช้งานคล่องตัว แต่อยากแนะนำสำหรับคนขี่ตัวเล็กหน่อย ส่วนตัวผู้เขียนขอขยับไปขี่ CBR500R ใหม่ ใน 500 Series เพราะอัพเกรดมาใหม่ได้ดิสก์หน้าคู่ โช้คหัวกลับ ปรับรายละเอียดหลายอย่าง แม้ราคามากกว่าเท่าตัว แต่ถ้าออกแบบเช่า-ซื้อ ดอกเบี้ยรถเล็กกับบิ๊กไบค์ก็เป็นอีกจุดที่ต้องคิดให้ดี แต่สุดท้ายก็ขึ้นกับงบประมาณและความชอบของแต่ละคน



All New CBR150R พัฒนาภายใต้คอนเซปต์ For The Real Racing Heart แรงเท่าที่ใจอยากแรง ออกแบบใหม่ทั้งคันในแบบ Sport Aggressive Design โฉบเฉี่ยวและดุดัน ไฟหน้า LED 2 ชั้น แบบ Double-Layered ทั้งหน้าและหลัง พร้อมกับ Position Light คู่บน และไฟเลี้ยว LED เฉียบคมด้วยเส้นสายบนตัวรถที่บ่งบอกความเป็นสปอร์ตขั้นสุด ออกแบบตามหลัก Aero Dynamics ให้มีแรงเสียดทานต่ำที่สุด ขี่สนุกด้วยการวางตำแหน่งท่านั่งในแบบ Super Sport Riding Position



All New CBR150R ติดตั้งเครื่องยนต์ ขนาด 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังความแรงด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด มาพร้อมระบบ Assist Slipper Clutch ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะเปลี่ยนเกียร์ เพื่อความนุ่มนวลและความต่อเนื่องของการขับขี่แบบเรซซิ่งสปอร์ต พร้อมยกระดับระบบกันสะเทือน ด้วยการใช้โช้กหน้าแบบหัวกลับ (Upside-down Shock Absorber) จากแบรนด์ SHOWA พร้อมยกระดับความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรกแบบ ABS (เฉพาะรุ่น ABS) เสริมด้วยระบบไฟฉุกเฉิน ESS แสดงสัญญาณไฟกระพริบเมื่อใช้เบรกอย่างกะทันหัน


All New CBR150R มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น ABS สีแดง Tri-color และสีดำ-แดง Mat-Gunpowder ราคาแนะนำ 99,900 บาท และรุ่น Standard มี 3 สี ได้แก่ สีดำ-แดง Mat-Gunpowder, สีแดง-ดำ Millennium และสีเทา-เหลือง Mat-Axis Grey ราคาแนะนำ 92,900 บาท พร้อมจำหน่ายที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ


เขียนโดย
ชลัคร ช่วยชู
Motorbike Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่