

Burn Rubber Riding Academy & Track Days เรียนขี่บิ๊กไบค์ในสนามแข่งจริง! ที่นี่ที่เดียว
ถ้าหากคุณไม่ได้เป็นนักแข่งสองล้อทางเรียบ แต่คุณมีโอกาสได้มาขี่มอเตอร์ไซค์ในสนามแข่งจริง! ละ มันจะฟิน!! แค่ไหน ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน กับคอร์สเรียนขับขี่กับ Burn Rubber Riding Academy & Track Days สถาบันสอนขับขี่แนวมอเตอร์สปอร์ตแห่งแรกในประเทศไทยที่มีมาตรฐานหลักสูตรครบเครื่องทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติระดับสากล โดยครูฝึกที่มีความชำนาญ และเป็นอดีตนักแข่ง MotoGP นำทีมโดย มิสเตอร์จิอานลูก้า ลอซซี่ ผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าทีมผู้ฝึกสอน และครูท่านอื่นๆ ที่มีดีกรีเป็นนักแข่งแทบจะทุกท่าน เราจะพามารู้จักกันคร่าวๆ ผ่านสนามที่ใช้เรียนกันในครั้งนี้ BIRA CIRCUIT จ.ชลบุรี
.jpg)
.jpg)
มารู้จัก Burn Rubber Riding Academy & Track Days คืออะไร
Burn Rubber Riding Academy & Track Days (เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์) เป็นสถาบันสอนขับขี่ที่มีความแตกต่างจากที่อื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่สนใจการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์แนวมอเตอร์สปอร์ตได้ฝึกฝนทักษะและเรียนรู้ในสนามแข่งจริง ที่มีความปลอดภัย และครูฝึกที่มีความชำนาญ โดยกิจกรรมแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบ Academy กับ Track Days
.jpg)
Academy คือการเรียนโดยวัดจากสกิลการขี่ของผู้สมัคร (ต้องขี่รถมีคลัชเป็นมาแล้วบ้างจะดี) โดยแบ่งเป็น 6 เลเวล คือ
1. Base Course สำหรับผู้ที่ไม่เคยขับขี่หรือเริ่มต้นขับขี่
.jpg)
2. Level 1: SAFETY AND RACING RIDING COURSE เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสามารถในการขับขี่อยู่แล้ว และต้องการจะเพิ่มเติมเทคนิคในการขับขี่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและใช่ในสนามแข่ง
วัตถุประสงค์ : เพื่อปรับและแก้ไขการขับขี่ที่ไม่ถูกต้อง
หัวข้อการขับขี่: ตำแหน่งการนั่งขับขี่, การควบคุมคันเร่ง, การเข้าโค้งเบื้องต้น และการใช้เบรคในสนามแข่ง
ขั้นตอนการฝึกสอน : ขับขี่ตามผู้สอนเพื่อมุมมองการขับขี่ที่สมบูรณ์ - ทำความเข้าใจเรื่อง APEX (เร็ว,ปานกลาง,ช้า)
- การเบรคในสนาม
* ผู้เข้ารับการฝึกสอนทุกคนต้องเริ่มจากการขับขี่ LEVEL 1 จาก BURN RUBBER RIDING ACADEMY ก่อน
หัวข้อการขับขี่: ตำแหน่งการนั่งขับขี่, การควบคุมคันเร่ง, การเข้าโค้งเบื้องต้น และการใช้เบรคในสนามแข่ง
ขั้นตอนการฝึกสอน : ขับขี่ตามผู้สอนเพื่อมุมมองการขับขี่ที่สมบูรณ์ - ทำความเข้าใจเรื่อง APEX (เร็ว,ปานกลาง,ช้า)
- การเบรคในสนาม
* ผู้เข้ารับการฝึกสอนทุกคนต้องเริ่มจากการขับขี่ LEVEL 1 จาก BURN RUBBER RIDING ACADEMY ก่อน
.jpg)
.jpg)
3. Level 2: RACING RIDING COURSE เทคนิคการอ่านไลน์ขับขี่ในสนาม เทคนิคการเบรคขั้นสูง และเทคนิคการมองจุดนำสายตาสำหรับผู้ขับขี่ที่ได้รับการฝึกสอน LEVEL 1 มาแล้ว และต้องการที่จะพัฒนาในขั้นต่อไป
วัตถุประสงค์ : เรียนรู้การตัดสินใจและประเมินสถานการณ์ในการขับขี่ในสนาม, เพิ่มขีดความสามารถของผู้ขับขี่
หัวข้อการขับขี่: ตำแหน่งในการขับขี่และลักษณะการขับขี่แบบต่างๆ, มุมมองการขับขี่ในการแข่งขัน, เทคนิคการเบรค / จุดนำสายตา และการมองในการเข้าโค้ง
ขั้นตอนการฝึกสอน: ขับขี่นำผู้สอน - ผู้สอนแนะนำมุมมองการขับขี่ที่ถูกต้องหลังจากขับขี่เสร็จ - การใช้เบรกในการเข้าโค้ง
หัวข้อการขับขี่: ตำแหน่งในการขับขี่และลักษณะการขับขี่แบบต่างๆ, มุมมองการขับขี่ในการแข่งขัน, เทคนิคการเบรค / จุดนำสายตา และการมองในการเข้าโค้ง
ขั้นตอนการฝึกสอน: ขับขี่นำผู้สอน - ผู้สอนแนะนำมุมมองการขับขี่ที่ถูกต้องหลังจากขับขี่เสร็จ - การใช้เบรกในการเข้าโค้ง
.jpg)
4. Level 3: ADVANCE RIDING COURSE รวมเทคนิคต่างๆ และมีการบันทึกวีดีโอประมวลผลการเรียน เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์และปรับแก้เทคนิคการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับผู้ที่ผ่าน LEVEL 1 & 2 มาแล้วและต้องการที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นอีก
วัตถุประสงค์ : ใช้เวลาการขับขี่ต่อรอบน้อยลง, เริ่มต้นสู่การแข่งขัน
หัวข้อการขับขี่ : มุมมองการขับขี่ที่ใช้ในการแข่งขัน, เทคนิคการเบรค / การเบรคในทางเข้าโค้ง, การขับขี่ไล่ตามผู้นำ และ Video สำหรับการประเมินผลจากผู้สอน
ขั้นตอนการฝึกสอน: การฝึกสอนแบบเข้มข้นในสนามจากผู้สอน - เรียนรู้การขับไล่ตาม - เรียนรู้การเข้าโค้งในมุมมองอื่นๆที่จะส่งผลต่อการแข่งขัน - การเบรคในโค้ง
หัวข้อการขับขี่ : มุมมองการขับขี่ที่ใช้ในการแข่งขัน, เทคนิคการเบรค / การเบรคในทางเข้าโค้ง, การขับขี่ไล่ตามผู้นำ และ Video สำหรับการประเมินผลจากผู้สอน
ขั้นตอนการฝึกสอน: การฝึกสอนแบบเข้มข้นในสนามจากผู้สอน - เรียนรู้การขับไล่ตาม - เรียนรู้การเข้าโค้งในมุมมองอื่นๆที่จะส่งผลต่อการแข่งขัน - การเบรคในโค้ง
.jpg)
.jpg)
5. Racing คอร์สฝึกทักษะการแข่งขันจริงแบบตัวต่อตัวกับนักแข่งมืออาชีพ
.jpg)
6. Customised Training Programs คอร์สที่ผู้เรียนสามารถดีไซน์รูปแบบการเรียนรู้คู่กับผู้ฝึกสอนได้ตามที่ต้องการเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
.jpg)
สำหรับ Track Days คือการเปิดสนามให้กับผู้ขับขี่ที่ไม่ต้องการฝึก แต่อยากทดสอบฝีมือในสนาม มาตรฐานที่มีความปลอดภัยระดับสากลประลองความเร็วและทดสอบสกิลของตัวเอง โดยทั้ง 2 ครอส TRACK DAY / ACADEMY จะมีราคาต่างกัน ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกอย่างใดอย่างนึง หรือจะเลือกได้ทั้ง 2 รูปแบบ ซึ่งราคาก็คิดเป็นแพ็คเกจ ขึ้นอยู่กับสนามที่ลงเรียน ล่าสุดที่ผู้เขียนไปเรียนมา....สนามแข่ง พีระ เซอร์กิต ราคาจะอยู่ที่
- TRACK DAY (1วัน) = 3,000 บาท
- TRACK DAY (2วัน) = 4,500 บาท
- TRACK DAY (1วัน)+ACADEMY (1วัน)= 6,500 บาท
- TRACK DAY (2วัน)+ACADEMY (2วัน)= 9,500 บาท
(อาจจะมีบางสนามที่มีค่าสมัครสูงกว่าสนามอื่นๆ ติดตาม ได้จากประกาศของทางเพจ)
สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เรียนหากไม่ได้นำรถส่วนตัวมาเองซึ่งจะใช้ตั้งแต่ 300 ซีซี ขึ้นไปทาง เบิร์น รับเบอร์ ก็มีให้เช่า โดยเป็นรถสปอร์ต Aprilia (อาพริเลีย), KTM RC, DUKE 390 หรือ HONDA ที่มีตั้งแต่ 500 ซีซี จนถึง 1000 ซีซี (ราคาเช่าสอบถามที่ เบิร์น รับเบอร์ ซึ่งไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจที่เรียน)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
หลังจากที่เราได้กรอกข้อมูลในใบสมัคร จะมีการสอบถามถึงสกิลการขี่ในสนามจริงของผู้เรียนว่ามีความถี่มากน้อยแค่ไหน เคยขี่บิ๊กไบค์ขนาดเท่าไหร่? กี่ซีซี มาบ้าง? ซึ่งการให้ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญที่ เบิร์น รับเบอร์ จะแยกนักเรียนไปแต่ละ LEVEL โดยครู 1 ท่าน ต่อนักเรียนไม่เกิน 5 คน เพื่อครูฝึกสามารถดูแลได้ทั่วถึง
.jpg)
สำหรับอุปกรณ์ที่เราต้องเตรียมคือ ชุด Racing Suit, ถุงมือยาว, หมวกกันน็อกเต็มใบ, รองเท้าบูธใส่ขับขี่ หรือถ้าหากใครไม่มีชุดทาง เบิร์น รับเบอร์ ก็มีให้ยืมอุปกรณ์ทั้งหมด แต่ผู้สมัครต้องระบุไซส์ให้ครบ ทุกอัน
.jpg)
ลงสนามจริง
ก่อนลงสนามจริง คุณลูก้า พร้อมทีมเข้ามาบรีฟ ข้อปฎิบัติต่างๆ ของสนาม สัญญาณมือ และวิธีการขี่ พร้อมแนะนำครูฝึกก่อนแบ่งทีม โดย 1 วันสำหรับ Academy จะเรียนขี่ทั้งหมด 4 ครั้ง สลับกับ Track Day โดยครูแต่ละคนจะพานักเรียนไม่เกิน 5 คนลงสนาม ดูไลน์ก่อน 1 รอบโดยการอุ่นเครื่องเบาๆ (สำหรับคนที่เพิ่งมาครั้งแรก) แล้วค่อยปรับความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
โดยหลังจากจบการขี่แต่ละครั้งครูฝึกที่สังเกตการณ์การขี่ ของเราในสนามจะและท่าทาง การเข้าโค้ง จังหวะต่างๆ ของลูกทีม หากใครยังไม่มั่นใจหรือกังวลตรงไหน ทางครูฝึกจะมีการอธิบาย ปรับวิธีการคิดตอนขี่ใหม่ การมอง การเข้าโค้ง หรือการใช้เกียร์ที่ถูกต้อง พร้อมท่าทางการขี่ให้ดีขึ้น จนเรามั่นใจ โค้งกันเข่าเช็ดพื้น หรือขี่ตามครูฝึกด้วยความเร็วแต่ปลอดภัย ซึ่งก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนมากๆ สำหรับคนที่เรียนครั้งแรก

.jpg)
.jpg)
.jpg)
ประโยชน์ที่ได้จากการเรียน
การขี่ในสนามข้อดีคือทำให้เราใช้ความเร็วได้เต็มที่ มีสติ ควบคุมการเข้าโค้งได้แม่นยำ การเบรกหรือใช้เอ็นจิ้นเบรก การเปลี่ยนเกียร์ด้วยความเร็ว และส่งกำลังเครื่องอย่างถูกวิธี ซึ่งหากใช้กับถนนจริงๆ บนถนนไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการฝึกซ้อมขี่บิ๊กไบค์ที่พละกำลังสูงและหากคุณไม่มีทักษะเหล่านี้เลย ก็อาจทำให้เราเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หรือสติหลุดเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ทั้งนี้คอร์สนี้จึงเหมาะกับคนใจรักที่รักความเร็วแต่ยังคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิต

.jpg)
.jpg)

นอกจากในสนามจะมีการเรียนแล้ว ยังมีกิจกรรมจากบูธสปอนเซอร์ต่างๆ เช่น Alpinestars ที่ มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันในการขี่, แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงส่วนลดพิเศษสุดคุ้ม หรือลูกค้าที่ขี่ Aprilia โดยเอารถมาร่วมกิจกรรมภายในงาน ก็มีที่จอดพิเศษและเจ้าหน้าที่เทคนิคของ Aprilia คอยให้คำปรึกษา
.jpg)
รวมไปถึง IPONE ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องและทำความอุปกรณ์จากประเทศฝรั่งเศส หรือยางบิ๊กไบค์เจ้าใหญ่อย่าง Michelin ก็มีสินค้าให้เลือกรวมถึงมาให้ข้อมูล พร้อมตรวจลมยางที่เหมาะสำหรับการขับขี่ อีกทั้งจำหน่ายยางกันในราคาพิเศษ เรียกว่าเป็นคอร์สเรียนที่สุดคุ้ม! ได้เพื่อน เทคนิคการขี่ ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างปลอดภัย และสินค้าลดราคาพิเศษด้วยจ้า

.jpg)
ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์สนามต่อไปได้ที่ : Facebook: burn rubber riding academy & track days หรือ Facebook: Motorbike GURU Thailand
ขอขอบคุณผู้สนับสนุน: Burn Rubber Riding Academy , Alpinestars , Aprilia
แท็กที่เกี่ยวข้อง
aprilia
alpinestars
อัลไพน์สตาร์ส
burn rubber riding academy & track days
burn rubber riding academy
burn rubber riding academy & track days เรียนขี่บิ๊กไบค์ในสนามแข่งจริง!ที่นี่ที่เดียว

เขียนโดย
เช็คราคา.คอม
Motorbike Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่