นอกจากคิดว่าจะขอสินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี เรื่องการคิดดอกเบี้ยก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องต้องรู้ก่อนตัดสินใจนะคะ สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินการคิดดอกเบี้ยจะมีความแตกต่างกันใน 2 รูปแบบ คือ จะใช้การคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม และใช้การคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม ซึ่งการคำนวณทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันค่ะ
การคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) : สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม การคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ตลอดอายุสัญญา ผู้ให้บริการสินเชื่อจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด รวมกับเงินต้นก่อนนำไปเฉลี่ยเป็นค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน โดยมีสูตรการคำนวณ คือ
ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่
นาย A ขอสินเชื่อรถแลกเงินจากผู้ให้บริการสินเชื่อเจ้าหนึ่ง รับวงเงินอนุมัติ 300,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3% ต่อปี ระยะเวลาในการผ่อนชำระ 4 ปี (48 งวด) คิดเป็น
- อัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด (300,000 x 3% x 4) = 36,000 บาท
- คิดเป็นจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระต่องวด (300,000 + 36,000) / 48 = 7,000 บาท
- ดังนั้นจำนวนเงินที่นาย A ต้องผ่อนชำระต่องวดจะเท่ากับ 7,000 บาท
การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) : สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม
การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เป็นรูปแบบอัตราดอกเบี้ยที่คนนิยม เพราะ เมื่อมีการชำระค่างวด จะทำให้ยอดหนี้ลดลงทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เหมาะสำหรับคนที่อยากปิดหนี้ก่อนถึงกำหนดเวลา เพราะสามารถนำเงินก้อนมาปิดยอดหรือทยอยโปะหนี้ได้ ทำให้ยอดหนี้ลดลง และปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น โดยการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกมีสูตรการคำนวณ คือ
ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
นาย B ขอสินเชื่อรถแลกเงิน จากผู้ให้บริการสินเชื่อเจ้าหนึ่ง รับวงเงินอนุมัติ 500,000 บาท เลือกระยะเวลาผ่อนชำระ 60 งวด (จำนวนวันในงวดแรก 31 วัน) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12% ต่อปี เงื่อนไขการผ่อนชำระ 11,123 บาทต่อเดือน
- ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดแรกคือ (500,000 x 12% x 31)/365 = 5,095.89 บาท
- เงินต้นที่จ่ายในงวดแรก 11,123 - 5,095.89 = 6,027.14 บาท
- เงินต้นคงเหลือ 500,000 - 6,027.14 = 493,972.86 บาท
ในงวดถัดไปก็ใช้ยอดเงินต้นคงเหลือคำนวณดอกเบี้ย และคิดลดต้นลดดอกไปเรื่อยๆ จนจบสัญญาได้เลยค่ะ
แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อรูปแบบใด ไม่ควรขอวงเงินมากเกินความจำเป็นที่ต้องใช้ เพราะนอกจากมีภาระเรื่องดอกเบี้ยที่ต้องชำระคืนแล้ว หากเราไม่สามารถบริหารจัดการเงินได้ ไม่สามารถจ่ายหนี้ให้ตรงตามกำหนด ในกรณีที่เป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกันเช่นสินเชื่อรถแลกเงินนี้ ก็มีโอกาสถูกยึดหลักประกันได้ ทางที่ดี...ควรขอสินเชื่อเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ และอย่าลืมผ่อนชำระให้ตรงตามกำหนดด้วยนะคะ :)
15 ม.ค. 67
3,921
