ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

icon-filter ค้นหารถยนต์แบบละเอียด
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

มาสด้าเปิดแผนยุทธศาสตร์การบริหารสู้วิกฤตโควิด ดึงดีลเลอร์ พนักงาน และลูกค้า รวมเป็นหนึ่งเดียว พร้อมตั้งเป้าปีนี้โต 30%

ข่าว icon 22 มิ.ย. 64 icon 2,698
มาสด้าเปิดแผนยุทธศาสตร์การบริหารสู้วิกฤตโควิด ดึงดีลเลอร์ พนักงาน และลูกค้า รวมเป็นหนึ่งเดียว พร้อมตั้งเป้าปีนี้โต 30%

จากการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัสล้วนส่งผลกระทบในวงกว้างและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประเทศไทยรวมทั้งทั่วโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การดำเนินธุรกิจ ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความมุ่งมั่นของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้เปิดแผนยุทธศาสตร์การบริหารเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เน้นทำงานร่วมกันเป็นทีมภายใต้แนวคิด One Mazda ผลักดันประสิทธิภาพทุกหน่วยงานและดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครบ 150 แห่งภายในปีงบประมาณนี้
นอกจากนี้มาสด้ายังได้แถลงความสำเร็จการดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2020 หรือ Fiscal Year 2020 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ด้วยตัวเลขยอดขายรถยนต์ใหม่ทะลุ 4 หมื่นคัน ทั้งรถเก๋งและรถอเนกประสงค์ต่างเก็บยอดขายเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะมาสด้า2 และ CX-30 ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างล้นหลาม พร้อมประกาศเดินหน้าท้าโควิดด้วยการตั้งเป้ายอดขายสูงถึง 52,000 คัน ชิงส่วนแบ่งการตลาด 6.2% หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 30% 

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของมาสด้าในปีงบประมาณ 2020 (ระหว่างเดือนเมษายน 2563 – มีนาคม 2564) ที่ผ่านมาว่า แม้ตลาดรถยนต์ในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันที่สูงมาก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกรอบทิศทาง แต่มาสด้าก็ยังสามารถทำยอดขายรวมทะลุ 4 หมื่นคัน ขยายตัวลดลง 23% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.1% ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ลดลง 17% ด้วยตัวเลขยอดขายรวมทั้งสิ้น 786,877 คัน ซึ่งแม้ว่าจำนวนยอดขายรวมรถยนต์มาสด้าจะลดลง แต่มาสด้า ประเทศไทย ก็ยังคงเป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดของมาสด้าทั่วโลก

สรุปยอดขายรถยนต์มาสด้าประจำปีงบประมาณ 2020 อยู่ที่ 40,004 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วยจำนวนที่สูงถึง 23,548 คัน โดยเฉพาะมาสด้า2 ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องด้วยยอดขายเกินกว่าครึ่งมีจำนวนสูงถึง 20,741 คัน ตามมาด้วยรถเก๋งมาสด้า3 อีกจำนวน 2,800 คัน ในขณะที่รถปิกอัพ บีที-50 ก็กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กันด้วยยอดขายกว่า 2,471 คัน ส่วนรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล CX-Series จำนวน 13,985 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 134% อันได้แก่ รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี CX-30 มียอดขายสูงสุดถึง 7,582 ตามมาด้วย CX-3 จำนวน 3,100 คัน CX-8 จำนวน 1,917 และ CX-5 จำนวน 1,386 คัน และสุดท้ายรถยนต์ MX-5 รถสปอร์ตเปิดประทุนแบรนด์ไอคอนระดับตำนานของมาสด้ามียอดขายรวมอีก 7 คัน

สำหรับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกของปี 2564 แม้จะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในภาพรวม โดยเฉพาะจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจปีนี้ชะลอตัวลง แต่รถยนต์มาสด้ายังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า อันเนื่องมาจากแผนกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการตลาด การนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และการยกระดับมาตรฐานการให้บริการหลังการขาย ที่ล้วนทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ จึงทำให้มาสด้าสามารถปิดยอดขายในไตรมาสแรกได้สูงถึง 10,890 คัน เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งมียอดขายรวมที่ 10,152 คัน 

โดยเฉพาะรถยนต์นั่งซึ่งมาสด้า2 ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยจำนวน 5,686 คัน, มาสด้า3 จำนวน 704 คัน ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 มียอดขายรวม 429 คัน ส่วนรถอเนกประสงค์ตระกูล CX-Series มียอดรวมทั้งสิ้น 4,071 เพิ่มขึ้นสูงถึง 126% นำโด่งโดย CX-30 ครอสโอเวอร์ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีและมียอดขายรวมมาเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 2,298 คัน ตามติดด้วย CX-3 จำนวน 1,189 คัน CX-8 มียอดขายสูงถึง 354 คัน และ CX-5 จำนวน 230 คัน ตามลำดับ

นอกจากนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารองค์กรระหว่างประเทศท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เพิ่มเติมว่า “มาสด้าเชื่อว่าการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จะสามารถนำพาให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายได้” ซึ่งนโยบายการบริหารองค์กรของมาสด้า วางอยู่บนพื้นฐานดังต่อไปนี้
การบริหารองค์กรระหว่างประเทศด้วยการจัดการทรัพยากรบุคคล
องค์กรที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นล้วนต้องขับเคลื่อนด้วยบุคลากรเป็นหลัก จึงเน้นการทำงานที่ผสานระหว่างความแตกต่างของปัจเจกบุคคลและให้เกียรติทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะ เพื่อให้พนักงานในทุกระดับสามารถนำมาใช้ประกอบกับการทำงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เน้นความสำคัญของการสื่อสารแบบครบวงจรที่ตอบรับกับสังคมในยุคดิจิทัล เพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงเป้าหมายของบริษัท และสามารถทำงานร่วมกันภายใต้เป้าหมายเดียวกันนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้การดูแลผู้จำหน่ายอย่างทั่วถึง เพราะผู้จำหน่ายคือกำลังสำคัญที่จะส่งเสริมให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง และส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าได้

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว One Mazda
การประสบความสำเร็จอาจต้องใช้ทักษะส่วนบุคคล แต่การจะทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยทีมที่แข็งแกร่ง ดังนั้นการสร้าง “แบรนด์” ให้เกิดความแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาวจำเป็นต้องสร้างทีม  มาสด้าจึงนำยุทธ์ศาสตร์การทำงานเป็นทีม หรือ “One Mazda” ด้วยการหลอมรวมทุกหน่วยงานเข้าสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพ และไร้รอยต่อในทุกภาคส่วน ทั้งการขาย การบริการหลังการขาย และการผลิตให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทั้งมาสด้าเซลส์ประเทศไทย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รวมถึงผู้จำหน่าย เพื่อจะได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เป็น “One Mazda One Team” ที่ทุกคนล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน

การบริหารงานโดยมีมาสด้า ประเทศไทย เป็นศูนย์กลาง
บริหารองค์กรในลักษณะ Distribution Business ที่มีมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เป็นศูนย์กลาง และผู้จำหน่ายเป็นด่านแรกในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีไปยังลูกค้า รวมถึงสร้างความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เรายึดหลักว่า ต้องให้การดูแลผู้จำหน่ายอย่างดีที่สุด ประเมินว่าสิ่งใดที่ทำแล้วเกิดผลดีต่อทั้งบริษัทและผู้จำหน่าย เน้นการทำงานให้เกิดประสิทธิผล เพราะถ้าหากผู้จำหน่ายอยู่ไม่ได้ มาสด้าก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ในขณะเดียวกัน ก็ยังทำงานควบคู่ไปกับมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น การผลักดันให้ผู้บริหารคนไทย และพนักงานทุกคนที่มีความเข้าใจในตลาด และเข้าใจความต้องการของลูกค้าคนไทย ได้มีโอกาสบริการจัดการอย่างเต็มที่ในทุกๆ ฟังก์ชัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดต่อลูกค้า ตามแนวคิด Optimize Global and Local Initiatives, Empower local Thai Management Team

การบริหารความแตกต่างด้านวัฒนธรรมระหว่างไทย-ญี่ปุ่น
เราได้นำข้อดีจากความต่างของสองวัฒนธรรมมาใช้ในการบริหารงาน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในองค์กรของเรามีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นที่ทำงานร่วมกัน ดังนั้น เราจึงเน้นการขจัดอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในการทำงาน เช่น อุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม เพื่อลดความไม่เข้าใจและเพื่อให้งานดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น ส่งเสริมความเข้าใจของแต่ละวัฒนธรรมการทำงาน และนำข้อดีมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สื่อสารกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น สำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ถึงความต้องการและเสียงสะท้อนของลูกค้าในประเทศไทยในด้านต่างๆ เพื่อวางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด 
นอกจากนี้ ประธานบริหารยังได้แสดงวิสัยทัศน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้ว่า “แม้ว่าจะยังมองไม่เห็นทิศทางที่สดใสอันเนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศและทั่วโลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม ภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอตัวลงและต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น และมากกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่เรายังมีความหวังว่า ด้วยแรงสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน และจากความร่วมแรงร่วมใจกันจากทุกภาคส่วนเชื่อว่าจะช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมาสด้าเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ด้วยกลยุทธ์หลักทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
1. การบริหารธุรกิจภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนด้วยการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้การบริหารธุรกิจต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิด สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและส่งผลในทางลบต่อการดำเนินธุรกิจ และผู้บริโภคในวงกว้าง ปัจจัยสำคัญคือการสร้างความยืดหยุ่นในการบริหารและการจัดการ เมื่อสถานการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวยและทำให้เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ เราต้องเน้นให้เกิดทักษะการบริหารงานจากความผิดพลาดเพื่อปรับเกม ปรับแท็คติก ที่สอดรับกับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งการบริหารงานลักษณะนี้จำเป็นต้องมีการเพิ่มทักษะส่วนบุคคลของพนักงาน แบบ Meta Skill ที่ต้องมองปัจจัยรอบด้าน เข้าใจองค์ประกอบของปัญหา ปรับวิกฤตของสถานการณ์ให้เป็นโอกาส จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ใช้ประสบการณ์รอบด้านที่เก็บสะสมมา การทำงานร่วมกันเป็นทีม ที่ใช้จุดแข็งของตัวเองและคนในทีมเพื่อกำจัดจุดอ่อน และสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง การให้อำนาจในการตัดสินใจและความคล่องตัวในการบริหาร ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ทันต่อเวลาและสถานการณ์ การเรียนรู้จากการผิดพลาดหรือ Resilience skill คือหัวใจของการบริหารงานภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นเดียวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับมือกับวิกฤต และนำไปสู่ความสามารถในการก้าวพ้นวิกฤตได้ดีกว่าคู่แข่ง
2. กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์
มาสด้าจะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้กลยุทธ์ “Product and Technology Value Enhancement” เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดและนำเสนอแต่สิ่งที่ดีให้แก่ลูกค้า โดยต้องเป็นผลิตภัณที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ด้วยการพัฒนาคุณค่าของแบรนด์ในทุกๆ ด้าน รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ โดยวางอยู่บนพื้นฐานของความต้องการลูกค้าเป็นหลัก เพื่อสร้างสรรค์ให้รถยนต์ของเราสามารถนำมาซึ่งความสนุกสนานในการขับขี่ และช่วยให้ทุกช่วงเวลาบนท้องถนนเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น 
เมื่อเร็ว ๆ นี้มาสด้าได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 ประเภท HEV, PHEV และ BEV เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้เตรียมพร้อมเพื่อจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยตามนโยบายภาครัฐ ซึ่งการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะเป็นไปทีละขั้นตอน จากวิสัยทัศน์ Mazda Building Block Strategy ซึ่งมี 3 องค์ประกอบคือ
1. กรอบเวลาของการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์
2. การพัฒนาโมเดลทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
3. การเปลี่ยนถ่ายจากเทคโนโลยีปัจจุบันสู่เทคโนโลยีอนาคตในช่วงเวลาที่เหมาะสม
3. กลยุทธ์ด้านการขายและยุทธศาสตร์การบริหารเครือข่ายผู้จำหน่าย 
สร้างความเชื่อมั่นและพัฒนาศักยภาพผู้จำหน่าย พร้อมนำ KPI มาเป็นดัชนีชี้วัด โดยผู้จำหน่ายจะต้องมีผลกำไรที่ดีและสามารถส่งมอบความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้ ควบคู่กับให้การสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งในโชว์รูมและห้างสรรพสินค้า โดยจะจัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ เดือน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายใต้มาตรการการป้องกันโควิด-19 พร้อมเตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย จากปัจจุบัน 138 เป็น 150 แห่ง ภายในปีงบประมาณนี้ 
4. กลยุทธ์ด้านบริการหลังการขายและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
ยกระดับการบริการหลังการขาย ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคใหม่ได้อย่างทันท่วงที ด้วยการเปิดตัวบริการ Mazda Fast Track ที่ให้บริการแบบเร่งด่วนแก่ลูกค้าที่มีเวลาจำกัดภายในระยะเวลา 60 นาที รวมถึงแผนการเปิดให้บริการแบบ Fast Service (Satellite) ที่พัฒนาเป็นศูนย์บริการมาตรฐานขนาดย่อมเพิ่มเติมจากศูนย์บริการหลัก เพื่อยกระดับการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว พร้อมยังได้พัฒนาการส่งมอบอะไหล่และการขนส่ง โดยได้ปรับปรุงทั้งคุณภาพและราคาจนเป็นที่ยอมรับในตลาด หรือบางชิ้นส่วนมีราคาที่ต่ำกว่าตลาด ด้านการจัดส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการ มีบริการจัดส่ง 2 รอบต่อวัน สำหรับเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด 1 รอบต่อวัน 
"นอกจากนี้นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ารับการบริการได้ทุกโชว์รูมทั่วประเทศ และเพื่อลบภาพจำเรื่องของค่าแรงในการให้บริการที่ไม่เท่ากัน มาสด้าขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่ทุกรุ่นจะได้รับแพ็คเกจพิเศษ คือ ฟรีค่าแรงเช็กระยะตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เพื่อสร้างความมั่นใจและอุ่นใจที่จะร่วมเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวมาสด้า และให้คำมั่นสัญญาว่า มาสด้าจะให้การดูแลรถของลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน"  นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ของมาสด้ารถยนต์พรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่น ที่จะมาเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2564 และมาสด้าพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง เพื่อจะให้รถยนต์มาสด้าได้เข้าไปครองใจลูกค้าชาวไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

mazda ข่าวรถยนต์มาสด้า one mazda

ข่าวและอีเว้นท์รถยนต์ล่าสุด

Hyundai ปล่อยแคมเปญรับเปิดเทอม Hyundai Back to School พร้อมข้อเสนออุ่นใจสำหรับทุกครอบครัว
เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย เชิญชวนสัมผัสอนาคตแห่ง AI MOBILITY ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ รุ่น G6 และ X9 อย่างใกล้ชิด พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปีใน "XPENG ROADSHOW 2025"
Porsche 911 Spirit 70 ถ่ายทอดอารมณ์แห่งความอิสระและความสนุกแบบยุค 70s–80s ด้วยสีสุดเอ็กซ์คลูซีฟ,ลวดลายคลาสสิก Pasha และ คอลเลกชันไลฟ์สไตล์ สำหรับนักสะสมที่ออกแบบมาในธีมเดียวกันโดยเฉพาะ
Lamborghini เผยธุรกิจโตต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2568 ด้วยผลประกอบการดีเยี่ยมทั้งด้านรายรับ กำไร และยอดส่งมอบรถยนต์ ท่ามกลางความท้าทายของตลาดโลกวันนี้


เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)