ฉลอง Pride Month กับ 9 มุมมองที่แตกต่างด้าน LGBTQ+ บน Netflix พาไปดื่มด่ำกับเรื่องราวความรัก ชีวิต และเส้นทางสู่ความเท่าเทียม

เดือนมิถุนายนมาเยือนอีกครั้งพร้อมกับสายรุ้งที่พาดเต็มท้องฟ้า เพราะนี่คือเดือนแห่ง Pride Month และพวกเราที่ Netflix ก็ขอร่วมเฉลิมฉลองความหลากหลายด้วยภาพยนตร์หลากรสชาติ หลากมุมมอง ร่วมสะบัดธงสีรุ้งไปให้ไกลกับ 9 หนัง-ซีรีส์เปี่ยมคุณภาพที่รับรองว่าจะชวนคุณมารู้จักความรักในมุมมองใหม่ที่ข้ามทุกมิติและกาลเวลา หรือถ้า 9 เรื่องยังไม่พอ เราก็ยังมีอีกหลากหลายเรื่องราวให้เลือกสัมผัสกันในคอลเลคชั่น "ผลงานเด่นรับเดือน Pride" ที่ www.netflix.com/pride

ภาพยนตร์ดราม่าย้อนยุคที่จะพร้อมรับชมในวันที่ 29 มิถุนายนเรื่องนี้ เล่าถึงความยากลำบากของนักร้องสาวดาวรุ่งที่กำลังจะเปิดตัวผลงานเพลงและไปได้สวย แต่กลับต้องคอยปิดบังตัวตนที่แท้จริง รวมถึงความสัมพันธ์กับแฟนสาว จากพ่อแม่เคร่งศาสนาของเธอและค่ายเพลงที่ต้องการเปลี่ยนตัวตนของเธอให้กลายเป็นอื่น Beauty มีครบทุกองค์ประกอบ ทั้งเรื่องราวความรักเข้มข้นในยุค 1980s เพลงประกอบสุดประทับใจ และที่สำคัญคือทัพนักแสดงมากฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นชารอน สโตน, จีอันคาโล เอสโปซิโต หรือดาวรุ่งหน้าใหม่ เกรซี่ มารี แบรดลีย์ (Gracie Marie Bradley) ในบทบิวตี้

หลายคนคงเข้าใจดีว่าการค้นพบตนเอง และรวบรวมความกล้าเพื่อบอกให้โลกได้รู้นั้น เป็นการเดินทางที่แสนจะซับซ้อนและละเอียดอ่อน Heartstopper ซีรีส์ที่การันตีด้วยชื่อว่าดูแล้วต้องใจเต้นไม่เป็นจังหวะ พาผู้ชมออกเดินทางไปกับ ชาร์ลี และ นิค หนุ่มคอรักบี้สุดฮ็อต ที่ค้นพบว่ามิตรภาพของพวกเขาค่อยๆ เติบโตเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เรื่องราวความรักครั้งนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะทั้งชาร์ลี นิค และกลุ่มเพื่อนของทั้งสอง ต้องฝ่าฟันกับช่วงเวลาแห่งการค้นหา และการยอมรับตัวตน พร้อมๆ กับการให้กำลังใจกันและกัน ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างใช้เวลาเรียนรู้ เพื่อประกอบสร้างตัวตนที่แท้จริงของตนเอง และข่าวดีสำหรับใครที่เป็นแฟนซีรีส์สุดฮิตเรื่องนี้ เตรียมฟินกันต่อยาวๆ เพราะ Netflix ไฟเขียวเตรียมสร้างอีกสองซีซั่นเป็นที่เรียบร้อย

กระโดดขึ้นไทม์แมชชีนแล้วย้อนเวลาไปกับ King And The Clown ภาพยนตร์ดราม่าอิงประวัติศาสตร์สุดเจ็บปวด ว่าด้วยเรื่องราวของสองนักกายกรรมเร่ร่อนในสมัยโชซอน ยุคที่การรักเพศเดียวกันถือเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างเด็ดขาด วันหนึ่งการแสดงของพวกเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นการล้อเลียนพระราชาที่ฉ้อฉลที่สุดองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ราชวงศ์เกาหลี สองนักแสดงใจกล้าจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก แถมยังพัวพันในความสัมพันธ์ต้องห้ามสุดซับซ้อน นอกจากครบทุกรสชาติ ทุกอารมณ์ จนดูแล้วเหมือนได้ขึ้นรถไฟเหาะ King And The Clown ยังสะท้อนการต่อสู้เพื่อสิทธิในชีวิตและความรักที่เท่าเทียม ที่ยังคงเกิดขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน

หากให้นึกถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและเท่าเทียม เราคงไม่ได้นึกถึงสถานีตำรวจเป็นที่แรก แต่ Brooklyn Nine-Nine กลับหยิบยกการแสดงออกถึงความหลากหลายมาถ่ายทอดได้อย่างอบอุ่น แถมยังสอดแทรกด้วยอารมณ์ขันอย่างลงตัว ซีรีส์ยาวเรื่องนี้ตามติดวีรกรรมชวนก่ายหน้าผากของเจ้าหน้าที่ตำรวจสุดติงต๊องแห่งกรมตำรวจนิวยอร์ก ที่วันหนึ่งต้องตกอยู่ใต้บังคับบัญชาของ กัปตันเรย์มอนด์ โฮลท์ เกย์ผิวสีคนแรกที่สามารถไต่เต้าจนได้ตำแหน่งดังกล่าว และกลายเป็นแบบอย่างที่ทั้งทีมนับถือในที่สุด กัปตันโฮลท์ได้กลายเป็นคาแรคเตอร์โปรดของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพราะมุกตลกหน้าตายอันเป็นเอกลักษณ์ หรือการนำเสนอความเป็นเกย์ในมุมบวกที่ไม่ถูกจำกัดอยู่ภายใต้เพศวิถี Brooklyn Nine-Nine ยังพาผู้ชมหลุดออกจากกรอบเรื่องเพศสภาพแบบที่เราคุ้นเคย ผ่านตัวละครที่แสนจะเป็นเอกลักษณ์อย่างจ่าเทอร์รี่ เจฟฟอร์ดส์ ที่ภายนอกดูล่ำบึ้ก แต่มีนิสัยเป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้างเหมือนมนุษย์แม่

สำหรับใครที่ชอบหนังย่อยง่าย ดูแล้วได้อมยิ้มตาม แถมยังมีเรื่องราวแฟนตาซีให้ว้าว รับรองว่า คุณหมีปาฏิหาริย์ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เพราะซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องตุ๊กตาหมีสีขาวที่อาศัยอยู่ในห้องนอนของชายหนุ่มนามพีรณัฐ จนกระทั่งวันหนึ่ง ปาฏิหาริย์ทำให้เจ้าหมีกลายร่างเป็นชายหนุ่ม นอกเหนือจากบทพูดที่ฟังแล้วอารมณ์ดีจนเขินตาม คุณหมีปาฏิหาริย์ ยังเป็นอีกเรื่องราวอบอุ่นที่ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของความเข้าใจ และการยอมรับของคนรอบข้าง

Feel Good เป็นซีรีส์คอมเมดี้ที่ได้ เม มาร์ติน นักเดี่ยวไมโครโฟนผู้เป็นนอน-ไบนารี่มารับบทนำ โดยเล่นเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นสมมติ โดยเมในเวอร์ชั่นซีรีส์ได้ตกลงปลงใจเริ่มความสัมพันธ์กับ จอร์จ (หรือจอร์จิน่า) ในขณะที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความรักคลาสสิค การที่จอร์จไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเธอให้โลกรู้ และอดีตอันมืดมนของเม ส่วนในชีวิตจริง เม มาร์ตินยังควบเก้าอี้ผู้เขียนบทร่วมของ Feel Good จึงเรียกได้ว่าเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมานั้นทั้งซึ้งกินใจ ทั้งจุกหน่วงจนบางฉากอาจไม่ฟีลกู๊ดเหมือนชื่อ แต่รับรองได้ว่าการร่วมเดินทางไปกับเมและจอร์จครั้งนี้ลึกซึ้ง อบอุ่นหัวใจแน่นอน

คุณเคยปล่อยให้คนที่ใช่หลุดมือไปไหม? ดิว ไปด้วยกันนะ ชวนคนดูขึ้นรถไฟสายความทรงจำที่ทั้งหวานปนขมและชวนคิด กลับไปยุค 90s ในช่วงเวลาที่การรักเพศเดียวกันยังเป็นตราบาป หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของ ภพ และ ดิว คู่รักวัยมัธยมปลายที่ถูกสังคมตีตรา จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายสิบปี ทั้งคู่แยกย้ายกันไปเติบโต ภพแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง และกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอีกครั้ง แต่กลับพบว่าความทรงจำ และคำถามมากมายเกี่ยวกับอดีตยังคงหลอกหลอนเขาเหมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ดิว ไปด้วยกันนะ อาจไม่ใช่หนังย่อยง่าย เพราะขยี้ทั้งปมการกดทับทางสังคม และความรักที่ไม่สมหวัง แต่เป็นสองชั่วโมงที่คุ้มค่าแน่นอน

ขอเสียงเชียร์ให้ผู้บุกเบิกวงการหน่อย! 22 ปีที่แล้ว สตรีเหล็ก สร้างปรากฏการณ์ฮอตปรอทแตก ในฐานะภาพยนตร์อิงเรื่องจริงที่หยิบเอาส่วนผสมสุดล้ำอย่างตัวละครหลักที่เป็น LGBTQ+ และธีมกีฬาคอมเมดี้มาปรุงให้เข้ากัน ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องแรกที่ผลักดันให้คาแรคเตอร์ที่มีเพศสภาพหลากหลาย ได้เฉิดฉายในฐานะตัวละครหลักอย่างภาคภูมิ โดยไม่ต้องถูกจำกัดบทบาทอยู่เพียงแค่ตัวประกอบสร้างเสียงฮา สตรีเหล็ก ยังได้รับการขนานนามจากหอภาพยนตร์ ว่าเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย และแน่นอน ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้จนถึงทุกวันนี้

---

---