ย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายน 2564 บริษัท OnePlus และ OPPO ได้ประกาศควบรวมกิจการเข้าด้วยกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนนั้นทำให้แฟนบอยของ OnePlus ถูกแยกออกเป็นสองส่วนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่แฟนคลับส่วนมากเชื่อว่า ภายใต้การควบรวมกิจการในครั้งนี้ OPPO จะได้ประโยชน์จากดีลนี้มากกว่า และเป็นทาง OnePlus เองที่จะสูญเสียเอกลักษณ์ของแบรนด์ตนเองไปตามกาลเวลา
ล่าสุดคุณ Li Jie ประธานบริษัท OnePlus China ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวผ่านการให้สัมภาษณ์กับ NetEase Technology รวมถึงสื่ออื่น ๆ ที่ถามตัวเขาด้วยประเด็นนี้ โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า ถึงแม้ตอนนี้สมาร์ตโฟนของ OnePlus จะเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ ColorOS ของ OPPO เกือบหมดแล้ว แต่ในภาพรวมแบรนด์ OnePlus ยังคงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอยู่เหมือนเดิม และการควบรวมกิจการเข้ากับ OPPO จะส่งผลดีกับ OnePlus มากกว่าผลเสีย
ยกตัวอย่างเรื่องของช่องทางการขายของผ่านร้านค้าออฟไลน์ ซึ่งถ้าหากเป็นเมื่อก่อนการที่ OnePlus จะสามารถขยายร้านค้าออฟไลน์ได้มากถึง 10,000 สาขาตามจุดยุทธศาสตร์ในคืนเดียวที่ประเทศจีนเป็นอะไรที่ยาก ใช้ทุนเป็นจำนวนมาก และจำเป็นต้องใช้เวลานานหลายปี แต่จากการที่เราสามารถใช้ทรัพยากรของ OPPO ได้
ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ร้านค้าออฟไลน์ และพนักงานของ OPPO ในการขายสินค้าให้กับเราได้ทันที แต่ถึงแม้การที่สินค้าของ OnePlus จะเข้าไปอยู่ในร้านของ OPPO และใช้ทรัพยากรของ OPPO ทั้งหมด แต่สินค้าของ OnePlus จะมีบทบาทในรูปแบบฝากขายเท่านั้น เพราะเมื่อขายสินค้าได้ทาง OnePlus ก็ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับร้านของ OPPO ตามที่ตกลง ซึ่งถ้าเทียบกับการลงทุนทำเองแล้วต้นทุนในการดำเนินการก็ยังต่ำกว่าอยู่ดี และนี่ก็คือประโยชน์ของการรวมกิจการเข้าด้วยกัน
ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ OnePlus จะเน้นทำธุรกิจในรูปแบบออนไลน์เป็นหลัก แต่การมีร้านค้าออฟไลน์ก็เป็นอีกสิ่งที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้ จากการที่ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานด้วยการทดสอบสินค้าที่หน้าร้าน ที่จะช่วยให้เห็นถึงความตั้งใจของแบรนด์ในการออกแบบและผลิตตัวสินค้า
นอกจากนี้การที่ OnePlus สามารถใช้งานทรัพยากรของ OPPO ได้ ทำให้บริษัทมีขีดความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อตอบสนองกับลูกค้าได้มากและดีขึ้นด้วย อย่างเช่น OnePlus ACE สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดของเรา ที่สามารถนำเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SuperVOOC 150W ของ OPPO มาใช้งานได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และถ้าให้เราทำเองคงต้องพัฒนาขึ้นมาได้ยากและใช้เวลานานพอสมควร เพราะเดิมเรามีทีมงานวิศวกรเพียง 1,000 -2,000 คนเท่านั้น แต่หลังการควบกิจการ ทำให้เรามีทีมวิศวกรมากกว่า 10,000 คนเลยทีเดียว และทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นของการควบกิจการระหว่างสองบริษัทเข้าด้วยกัน