x
icon-filter ค้นหาโทรศัพท์มือถือ
product filter
product filter
product filter
product filter

หนึ่งวันกับฟีเจอร์กล้อง 108MP จากสมาร์ทโฟน Mi 11 ฉบับคนถ่ายรูปไม่เก่ง

icon 15 ก.ค. 68 icon 5,007
Share
หนึ่งวันกับฟีเจอร์กล้อง 108MP จากสมาร์ทโฟน Mi 11 ฉบับคนถ่ายรูปไม่เก่ง
หนึ่งวันกับฟีเจอร์กล้องจาก Mi 11 ฉบับคนถ่ายรูปไม่เก่ง
เปิดตัวกันไปแล้วนะคะ กับเจ้า Xiaomi Mi 11 ที่ชูสเปกกล้องที่ให้มาอย่างจัดเต็มทั้งด้านภาพถ่ายและวิดีโอ ด้วยกล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 108 MP และสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 8K มาพร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ อีกมากมายบนคอนเซ็ปต์ "Movie Magic" ที่ให้ผู้ใช้ได้สนุกกับสร้างสรรค์รูปถ่ายหรือวิดีโอของตัวเอง ซึ่งทาง MoblieGuru ก็ได้ทำรีวิวฉบับของเจ้า Xiaomi Mi 11 เต็มไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับใครที่สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติม ที่นี่ ได้เลย
ว่าแล้วใครเป็นสายถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ คงยิ้มร่า ตื่นเต้นไปกับสเปกและฟีเจอร์กล้องที่ให้มาอย่างจัดเต็มแน่ ๆ แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยถนัดถ่ายภาพ ถ่ายทีไรก็เบลอ ถ่ายทีไรก็ตกขอบ กระทั่งวิดีโอก็สั่นเหมือนถ่ายตอนแผ่นดินไหว เราคือเพื่อนกันค่ะ!
เคยไหมคะ เวลานั่งส่องรูปของคนอื่นตาม Facebook, Instagram หรือกระทั่ง Twitter แล้วเกิดคำถามว่า ทำไมเขาถ่ายรูปได้สวยกันเหลือเกิน เราเองก็อยากมีรูปสวย ๆ ไว้ลงอวดอย่างนั้นบ้างเหมือนกัน ติดแต่ว่าเราดันถ่ายรูปไม่เก่งนี่สิ จะถ่ายรูปหรือลงรูปแต่ละทีก็คิดแล้วคิดอีก เพราะถ่ายออกมาไม่ได้ดั่งใจ จะกลับไปถ่ายใหม่ บรรยากาศที่อยากได้ก็ผ่านพ้นไปเสียแล้ว และเหมือนโชคชะตาเป็นใจให้เราได้เจ้า Xiaomi Mi 11 มาทดลองใช้ เลยคิดว่า นี่ล่ะ โอกาสทองที่คนถ่ายรูปไม่เก่งอย่างเราจะได้เฉิดฉาย!
ก่อนจะไปพบกับการรีวิวการใช้งานกล้องในหนึ่งวัน เรามาส่องฟีเจอร์กล้องของเจ้า Mi 11 คร่าว ๆ กันก่อนดีกว่าค่ะ
นี่คือหน้าตากล้องถ่ายรูปของเจ้า Mi 11 ค่ะ เมนูด้านบนจะมีทั้งตัวเปิด-ปิดแฟลช, ตั้ง HDR, AI, โหมดฟรุ้งฟริ้ง, Google Search และฟีเจอร์เพิ่มเติม ที่เมื่อกดเข้าไปแล้วจะพบกับการตั้งค่าต่าง ๆ รวมไปถึงโหมดซุปเปอร์มาโครก็อยู่ตรงนี้ด้วย
ต่อมาคือโหมดอื่น ๆ ของกล้อง ไล่มาตั้งแต่โหมดโปรฯ, วีดีโอ และถ่ายบุคคล (Portrait)
เลื่อนมาจนสุดก็จะเจอ 'เพิ่มเติม' เป็นที่ซ่อนของฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่ทาง Xiaomi ชูในรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นโหมด 'เอฟเฟกต์ภาพยนตร์' ที่ให้ลูกเล่นมา 5 แบบ และฟีเจอร์ 'โคลน' ที่สามารถใช้ได้ทั้งกับภาพถ่ายและวิดีโอ
 
ถือว่าอินเตอร์เฟสของกล้องไม่รกตาเลย สามารถยัดฟีเจอร์ทั้งหมดของตัวเองลงไปโดยจัดวางได้เป็นระเบียบ ใช้งานง่าย แต่อาจต้องทำความเคยชินกับมันสักนิด ถึงจะใช้ได้คล่องค่ะ
 
เอาล่ะ รู้จักหน้าตาของกล้องและฟีเจอร์คร่าว ๆ แล้ว มาต่อกันที่การทดลองใช้เลยค่ะ
 
ด้วยความที่เรามีเวลาอยู่กับเจ้า Mi 11 หนึ่งวัน ประจวบกับมีแผนจะออกไปซื้อของข้างนอก จึงคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้จำลองการใช้งานฟีเจอร์กล้องอย่างที่เรามักจะใช้จริง ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อดูว่ากล้องของ Mi 11 ตอบโจทย์การใช้งานแค่ไหน และช่วยให้การถ่ายภาพสำหรับคนถ่ายรูปไม่เก่งง่ายขึ้นหรือดีขึ้นอย่างไรบ้าง
เราเริ่มวันด้วยการซักผ้าค่ะ ฮ่า ระหว่างตากผ้าอยู่หน้าบ้านก็หันไปเห็นพุ่มไม้ข้างรั้ว ทำให้นึกถึงกระแสการถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้าที่เขาฮิตกันอยู่ช่วงหนึ่ง จึงได้คว้า Mi 11 ขึ้นมากดถ่ายไปหนึ่งที ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามันมีโหมด 'ซุปเปอร์มาโคร' เราจึงได้ลองถ่ายอีกครั้ง โดยมีนายแบบเป็นน้องยุงที่บังเอิญผ่านเข้ากล้องมาพอดีค่ะ
ภาพที่ได้จากโหมดกล้องธรรมดา
ภาพที่ได้จากโหมดซุปเปอร์มาโคร
โดยผลลัพธ์ออกมาคือเบลอค่ะ ฮ่า จะเห็นได้ว่ากล้องไปจับโฟกัสที่ปลายใบไม้แทนตัวยุง ซึ่งตอนถ่ายเราพยายามเลือกโฟกัสที่นายแบบของเราแล้ว แต่ด้วยความที่มือเราไม่นิ่งเลยทำให้โฟกัสหลุดอยู่เรื่อย ๆ แต่เรื่องความคมชัดของการซูมไม่มีที่ติเลยค่ะ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องอาศัยความมือนิ่งในการจับกล้องระดับหนึ่งถึงจะได้ผลลัพธ์ของภาพที่สวยสมบูรณ์
 
ถัดจากการทำงานบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะออกไปซื้อของค่ะ ระหว่างทางรถค่อนข้างติด เมื่อถึงที่หมายก็เลยเริ่มด้วยการเสาะหาของกินอร่อย ๆ ด้วยความเชื่อที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง! และแน่นอนค่ะ เราไม่พลาดที่จะยกเจ้า Mi 11 ขึ้นมาถ่ายมื้อเที่ยงของเราในวันนี้ด้วยโหมดต่าง ๆ ของกล้อง เพื่อมาดูกันว่าฟีเจอร์ไหนที่จะทำให้อาหารของเราน่ากินที่สุด
ภาพจากโหมดกล้องธรรมดา
ภาพจากการเปิดใช้ AI
ภาพจากการใช้โหมดถ่ายบุคคล (Portrait) แบบ Auto
สุดท้ายคือ ภาพจากการใช้โหมดถ่ายบุคคล (Portrait) แบบปรับความเบลอด้วยตัวเอง
เมื่อเทียบกันแล้ว จะเห็นว่าโหมดกล้องธรรมดาจะแทบไม่ได้มีการเน้นโฟกัสตรงจุดใดจุดหนึ่ง ขณะที่โหมด AI จะช่วยเลือกโฟกัสให้พร้อมปรับแต่งสีของภาพเล็กน้อย ในส่วนของโหมดถ่ายบุคคลจะได้การเบลอฉากที่ชัดเจนกว่าและสีของภาพที่ดูละมุนขึ้น แต่ต้องบอกเลยว่าเราชอบผลลัพธ์ของภาพจากโหมดถ่ายบุคคลที่เลือกปรับโฟกัสเองมากกก การเบลอฉากที่ว่าทำได้ดีเลย เน้นตัวอาหารได้ดูน่ากินมาก จากปอเปี๊ยะสามชิ้นยี่สิบห้าบาท กลายเป็นปอเปี๊ยะจักรพรรดิเลยค่ะ ฮ่า
 
นอกจากนี้ ความพิเศษของโหมดถ่ายบุคคล (Portrait) คือเราสามารถย้อนกลับไปเลือกปรับแต่งภาพทีหลังได้ โดยการเข้าไปยัง Gallery แล้วกดไอคอนกลม ๆ กลางภาพ
จากนั้นก็เลือกปรับได้ตามใจชอบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความเบลอของฉาก เส้นบนฉาก หรือฟิลเตอร์แสงภาพยนตร์ เรียกได้ว่าต่อให้ถ่ายพลาดหรือภาพไม่สวยดั่งใจ ก็สามารถแก้ตัวใหม่ได้ด้วยตัวช่วยเหล่านี้เลยค่ะ
 
เรายังไม่หยุดเพียงแค่นี้ ด้วยความลำพองของการมีตัวช่วยอย่าง Mi 11 อยู่ในมือ จึงอยากทดลองเป็นตากล้องหนึ่งวัน โดยการไล่นางแบบให้ไปเข้าฉาก และถ่ายด้วยโหมดถ่ายบุคคล
แสงสวย ฉากสวย แต่ตากล้องถ่ายรูปไม่เก่ง ภาพแรกเลยออกมางงๆ แถมมีเงาสะท้อนติดมาด้วยค่ะ T_T เลยแก้ปัญหาด้วยการลองปรับเบลอนิดหน่อยในภาพที่สอง (ตามฟีเจอร์ด้านบน) ก็ช่วยให้ภาพดีขึ้น พอถูไถไปได้ หรือจะใช้ฟิลเตอร์ภาพยนตร์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยได้มากทีเดียวเช่นกันค่ะ
 
มาถึงฟีเจอร์ที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดของ Mi 11 ซึ่งอยู่ในฟีเจอร์เอฟเฟกต์ภาพยนตร์ นั่นคือ 'โลกคู่ขนาน' ค่ะ เป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย เพียงแค่ยกกล้องขึ้นส่อง กะมุมของภาพเอาตามที่ต้องการแล้วกดถ่าย นอกนั้นตัวกล้องจะจัดการให้หมดเลยค่ะ ทั้งการเคลื่อนไหวของภาพและสีสัน ให้ความรู้สึกที่แตกต่างและโดดเด่นมาก ๆ
ภาพตัวอย่างจากฟีเจอร์วิดีโอโลกคู่ขนาน
 
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่เป็นจุดขายเลย ก็คือฟีเจอร์ 'โคลน' ค่ะ ซึ่งมีทั้งโคลนภาพถ่ายและโคลนวิดีโอเลย ด้วยความตื่นเต้นกับลูกเล่นนี้ ก็ได้ไล่นางแบบไปเข้าฉากเพื่อสวมบทตากล้องอีกครั้ง
มีความพยายามจะให้นางแบบโพสต์ท่า แต่ด้วยความที่ไม่สนิทกับการถ่ายรูปมาตั้งแต่แรกทำให้กดถ่ายไม่ถูกจังหวะ ภาพเลยออกมาตกขอบอย่างที่เห็นค่ะ แง T_T
ด้วยเลือดนักสู้เลยไม่ยอมแพ้ ไปลองอีกครั้งในโซนโกดังสินค้าค่ะ ได้ภาพที่ดีขึ้นมาอีกนิด
มาถึงสถานที่ยอดนิยมของชาวฮิปสเตอร์ทั้งที ตามธรรมเนียมก็ต้องมีรูปเท่ ๆ เฟียส ๆ สักรูปในโกดังสินค้า เลยจัดไปด้วยความช่วยเหลือของโหมด AI ค่ะ
 
กว่าจะเสร็จภารกิจซื้อของ กลับถึงบ้านก็มืดค่ำแล้ว เหลือบตาขึ้นไปเห็นพระจันทร์กลมโตสวยอิ่มอยู่บนฟ้า ก็ปิ๊งขึ้นมาได้ว่าช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีกระแสฮิตถ่ายภาพพระจันทร์กันครึกโครมในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทางเราก็ไม่รอช้าค่ะ เปิด Google ค้นหาวิธีถ่ายภาพพระจันทร์ด้วยโหมดโปรฯทันที
เราตั้งทุกอย่างให้เป็นอัตโนมัติ และเลื่อนปรับเพียงค่า ISO เลือกความชัดที่ต้องการ จากนั้นก็ซูมมม บังคับมือให้นิ่งที่สุดแล้วกดถ่ายภาพ ได้มาเท่านี้ค่ะ
ภาพถ่ายจากโหมดโปรฯ
นั่งภาคภูมิใจกับตัวเองอยู่สักพักพร้อมเลื่อนดูฟีเจอร์กล้องอื่น ๆ ไปมา ตาก็เพิ่งเหลือบไปเห็นว่า Mi 11 เขามีโหมด 'ซุปเปอร์มูน' มาให้อยู่แล้ว! เอ้า!
ด้วยเหตุนี้เลยต้องตาลีตาเหลือกวิ่งออกไปที่ถนนหน้าบ้านเพื่อถ่ายพระจันทร์ใหม่อีกครั้ง คิดแล้วจะร้องไห้ เสียดายเวลาที่ไปยืนปรับ ISO อยู่ตั้งนาน เพราะฟีเจอร์นี้สะดวกสบายมาก ไม่ต้องทำอะไรกับมันเลยนอกจากกดซูมและยกมือให้นิ่งอย่างเดียวเท่านั้น แถมระยะซูมก็ให้มาถึง 30 เท่า เราจึงได้ภาพพระจันทร์โตสวยมาอย่างง่ายดาย
ภาพถ่ายจากโหมด 'ซุปเปอร์มูน'
ถึงแม้รูปพระจันทร์ที่เราถ่ายจะได้มาแบบมีสายไฟบัง แต่ด้วยฟีเจอร์แก้ไขภาพที่ Mi 11 ให้มาใน Gallery ก็ช่วยให้เราสามารถเลือกภาพมาตกแต่งเพิ่มเติม หรือใส่เอฟเฟกต์ต่าง ๆ ออกแบบภาพใหม่ให้น่าสนใจขึ้นได้ง่าย ๆ เลย
 
จบกันไปแล้วสำหรับผลลัพธ์ของ 'หนึ่งวันกับฟีเจอร์กล้องจาก Mi 11 ฉบับคนถ่ายรูปไม่เก่ง' ทีนี้เราจะมาสรุปความคิดเห็นและความรู้สึกทั้งหมดหลังจากได้ใช้งานฟีเจอร์กล้องของเจ้า Mi 11 กันค่ะ
 
สรุปฟีเจอร์กล้องหลังทดลองใช้งานในหนึ่งวัน
สำหรับกล้องของเจ้าน้อง Mi 11 นี้ เรื่องความคมชัดไม่มีที่ติดเลยค่ะ แม้ว่าจะซูม 30 เท่าก็ยังได้ภาพที่ไม่แตก เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเพื่อนำไปตกแต่งต่อทีหลัง สำหรับตัว AI ของกล้อง ต้องบอกตรง ๆ ว่าช่วยได้มากเลยสำหรับคนที่ถ่ายรูปไม่เก่งอย่างเราที่ไม่มีทักษะการเลือกแสงและปรับสี เจ้า AI ก็เข้ามาช่วยในส่วนนี้หมดเลยค่ะ ส่วนโหมดถ่ายบุคคล (Portrait) มองว่าการเบลอเส้นกรอบของคนยังทำได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ แต่ถ้าเน้นถ่ายวิว ถ่ายอาหาร บอกเลยว่าได้ภาพที่สวยใช้ได้เลย สำหรับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ให้มาอย่างจัดเต็มทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ ช่วยให้คนที่ไม่มีเทคนิคถ่ายรูปเล่นสนุกกับการใช้กล้องได้มากขึ้นจริง ๆ แต่ต้องสารภาพว่าฟีเจอร์เอฟเฟกต์ภาพยนตร์แอบใช้งานค่อนข้างยาก และที่สำคัญคือบางตัวจับเซนเซอร์เฉพาะบุคคล ทำให้ไม่สามารถใช้กับภาพวิว อาหาร หรือว่าสัตว์เลี้ยงได้ค่ะ ถือเป็นข้อจำกัดเล็ก ๆ ที่มีผลต่อการใช้งานอยู่บ้างเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต้องขอชมและคิดว่าชอบที่สุดสำหรับคนถ่ายรูปไม่เก่งอย่างเราเลย คือฟีเจอร์แก้ไขภาพ (Edit) ที่ให้มาทั้งในโหมดถ่ายบุคคล (Portrait) และใน Gallery ของ Mi 11 ส่วนนี้เป็นสิ่งที่ช่วยได้มากเลยจริง ๆ เพราะปัญหาของคนถ่ายรูปไม่เก่งคือมักจะกดชัตเตอร์และไม่เคยได้รูปที่ต้องการ จะกลับไปถ่ายใหม่ บรรยากาศที่อยากได้ก็ผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยเหตุนี้การที่สามารถกลับมาแก้ไขหรือตกแต่งภาพใหม่ได้ภายหลัง โดยมีฟีเจอร์ให้เลือกสรรได้เยอะ ๆ แบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มาก ๆ
สุดท้ายนี้ แม้ผลลัพธ์ของการใช้งานฟีเจอร์กล้องของ Mi 11 ในหนึ่งวันจะไม่ได้รูปสวย ๆ กลับมาเยอะแยะตามที่คาดหวัง แต่ก็พูดได้เต็มปากว่าเราสนุกกับการใช้งานมาก ด้วยการออกแบบอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย และลูกเล่นของฟีเจอร์ที่ให้มาอย่างจัดเต็ม ทำให้เรากล้าที่จะลองเล่นสนุกกับการถ่ายรูปและวิดีโอได้โดยไม่ต้องกังวล เรียกได้ว่าสำหรับคนที่ถ่ายรูปไม่เก่ง เจ้า Xiaomi Mi 11 ตัวนี้ ถือว่าเป็นตัวช่วยที่เลิศมาก ๆ เลยค่ะ
 
 
 
 
แท็กที่เกี่ยวข้อง xiaomi movie magic mi11
Mobile Guru
เขียนโดย เช็คราคา.คอม Mobile Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)