ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

icon-filter ค้นหารถยนต์แบบละเอียด
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

Mercedes-Benz เตรียมพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป พร้อมเปิดตัวโครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 3 แบบ

ข่าว icon 23 ก.ค. 64 icon 4,111
Mercedes-Benz เตรียมพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป พร้อมเปิดตัวโครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 3 แบบ

Mercedes-Benz เตรียมความพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวภายในทศวรรษนี้ ในช่วงเวลาที่สภาวะตลาดเอื้ออำนวย โดยปรับกลยุทธ์จาก electric-first เป็น electric-only โดย Mercedes-Benz ในฐานะบริษัทรถยนต์ระดับลักชัวรีแถวหน้าของโลก พร้อมเดินหน้าสู่โลกที่ปราศจากการปล่อยมลพิษและอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์

ทั้งนี้ ภายในปี 2022 Mercedes-Benz จะมีรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (BEV) ในทุกเซกเมนต์รถยนต์ของบริษัท และนับตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป รถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาทั้งหมดจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น โดยลูกค้าจะสามารถเลือกรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ทุกรุ่นที่บริษัทผลิตขึ้น ซึ่ง Mercedes-Benz มีความตั้งใจที่จะเร่งความเร็วในการปรับกลยุทธ์โดยยังคงเป้าหมายเดิมในการทำกำไร
"ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเซกเมนต์รถยนต์ระดับลักชัวรีที่มี Mercedes-Benz เป็นผู้นำ จุดเปลี่ยนกำลังใกล้เข้ามาและเรามีความพร้อมที่จะตอบรับความเปลี่ยนแปลงของตลาดโดยการมุ่งสู่การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเท่านั้นภายในสิ้นทศวรรษนี้" มร.โอลา คัลเลเนียส ประธานบริหาร Daimler AG และ Mercedes-Benz AG กล่าว "การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังหมายรวมถึงการจัดสรรเงินลงทุนใหม่ ภายใต้การจัดการการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรักษาเป้าหมายในการทำกำไรของเราตามเดิม เพื่อการันตีความสำเร็จที่ยั่งยืนของ Mercedes-Benz ซึ่งผมต้องขอขอบคุณพนักงานที่เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์และความมุ่งมั่น ช่วยให้เรามั่นใจว่า Mercedes-Benz จะประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นของวงการรถยนต์ในอนาคต"

และเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ Mercedes-Benz ได้เปิดเผยแผนกลยุทธ์ที่มีความครอบคลุม โดยหมายรวมถึงการเร่งรัดการทำวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง โดยสำหรับการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ระหว่างปี 2022 ถึง 2030 จะมีมูลค่ามากกว่า 40,000 ล้านยูโร การเร่งรัดและพัฒนาแผนพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์ไฟฟ้ายังนับเป็นจุดเปลี่ยนของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่แท้จริง
แผนกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี
โครงสร้างรถยนต์ : ในปี 2025 Mercedes-Benz จะเปิดตัวโครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 3 แบบ ได้แก่:

MB.EA ครอบคลุมรถยนต์นั่งขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ทั้งหมด โดยสร้างระบบโมดูลาร์ที่ปรับขนาดได้เพื่อเป็นแกนหลักไฟฟ้าสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ EV ในอนาคต

AMG.EA จะเป็นแพลตฟอร์มของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงสำหรับลูกค้า Mercedes-AMG ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องเทคโนโลยีและสมรรถนะ

VAN.EA เปิดประตูสู่ยุคใหม่ของรถตู้ไฟฟ้าและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการขนส่งและเมืองที่ปลอดมลพิษในอนาคต

การบูรณาการในแนวดิ่ง: หลังการปรับระบบส่งกำลังใหม่เพื่อให้การวางแผน การพัฒนา การจัดซื้อ และการผลิตสอดคล้องในระนาบเดียวกัน Mercedes-Benz จะยกระดับการบูรณาการในแนวดิ่งในด้านการผลิตและการพัฒนา ตลอดจนเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ผลิตเองภายใน ขั้นตอนนี้หมายรวมถึงการเข้าซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่จากสหราชอาณาจักรอย่าง YASA ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ Mercedes-Benz สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีมอเตอร์ฟลักซ์แนวแกนที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษเจเนอเรชันต่อไป แบตเตอรี่ไฟฟ้าที่ผลิตภายใน อาทิ eATS 2.0 เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์นี้ที่มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพและต้นทุนโดยรวมของระบบทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอินเวอร์เตอร์และซอฟต์แวร์ ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ตั้งของบริษัทและซัพพลายเออร์หลายร้อยแห่งที่เชี่ยวชาญด้านส่วนประกอบรถยนต์ EV และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ ซึ่งคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการเร่งกลยุทธ์การมุ่งสู่การสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ Mercedes-Benz

แบตเตอรี่: Mercedes-Benz ต้องมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่มากกว่า 200 กิกะวัตต์ชั่วโมง โดยวางแผนที่จะตั้งโรงงาน Gigafactory จำนวน 8 แห่งเพื่อผลิตแบตเตอรี่ร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากเครือข่ายของโรงงานผลิตระบบแบตเตอรี่ 9 แห่งที่ได้วางแผนไว้ก่อนแล้ว แบตเตอรี่เจเนอเรชันต่อไปจะมีมาตรฐานสูงและเหมาะสำหรับใช้ในรถยนต์และรถตู้ของ Mercedes-Benz กว่า 90% มอบความยืดหยุ่นที่มากพอต่อการนำเสนอโซลูชั่นเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าทุกคน ในส่วนของการผลิตแบตเตอรี่ Mercedes-Benz มีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ในยุโรปเพื่อพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่และโมดูลในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำให้มั่นใจว่า ยุโรปยังคงเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อไปในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า 

การผลิตแบตเตอรี่ยังช่วยให้ Mercedes-Benz มีโอกาสได้ปรับเปลี่ยนเครือข่ายการผลิตระบบส่งกำลังที่มีอยู่เดิม และด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ล้ำหน้าที่สุดในรถยนต์และรถตู้ที่พัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายระยะการใช้งานของวงจรชีวิตในการผลิตแบตเตอรี่แต่ละรุ่น ซึ่งสำหรับแบตเตอรี่เจเนอเรชันต่อไป Mercedes-Benz จะทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง SilaNano เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานต่อไปโดยใช้คอมโพสิตซิลิกอนคาร์บอนในแอโนด ซึ่งจะช่วยให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาในการใช้งานที่นานขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่ใช้เวลาในการชาร์จสั้นลง สำหรับเทคโนโลยีโซลิดสเตต Mercedes-Benz กำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นของพลังงานและความปลอดภัยที่สูงขึ้น

การชาร์จ: Mercedes-Benz กำลังเริ่มต้นกำหนดมาตรฐานใหม่ในการชาร์จที่เรียกว่า Plug & Charge ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเสียบปลั๊ก ชาร์จ และถอดปลั๊กโดยไม่ต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมในการตรวจสอบและการชำระเงิน Plug & Charge จะเปิดตัวพร้อมกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่น EQS ในปีนี้ ทั้งนี้ Mercedes me Charge เป็นหนึ่งในเครือข่ายการชาร์จที่ใหญ่ที่สุดในโลก และปัจจุบันประกอบด้วยจุดชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับและกระแสตรงมากกว่า 530,000 จุดทั่วโลก นอกจากนี้ Mercedes-Benz ยังทำงานร่วมกับบริษัทเชลล์ในการขยายเครือข่ายการชาร์จ ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายการชาร์จแบตเตอรี่ของเชลล์ได้ดียิ่งขึ้นผ่านจุดชาร์จมากกว่า 30,000 จุดภายในปี 2568 ทั้งในยุโรป จีน และอเมริกาเหนือ รวมถึงจุดชาร์จพลังงานสูงกว่า 10,000 จุดทั่วโลก และยังวางแผนที่จะเปิดตัวสถานที่ชาร์จระดับพรีเมียมหลายแห่งในยุโรป เพื่อมอบประสบการณ์การชาร์จแบบเฉพาะตัวด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นที่สุด

VISION EQXX: Mercedes-Benz กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา Vision EQXX รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้จริงด้วยระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตรโดยกำหนดเป้าหมายเป็นตัวเลขหลักเดียวสำหรับกิโลวัตต์ชั่วโมง ต่อ 100 กิโลเมตร (มากกว่า 6 ไมล์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง) ที่ความเร็วปกติในการขับขี่บนทางหลวง 

ทีมงานจากหลากหลายสาขา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากแผนก F1 High Performance Powertrain (HPP) กำลังทำงานรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วด้วยความมุ่งมั่นเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่มีความทะเยอทะยานของโครงการ ซึ่งพร้อมจะเปิดตัวให้ได้ชมกันทั่วโลกในปี 2565 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีอยู่ใน Vision EQXX จะถูกดัดแปลงและนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการใช้งานในโครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ

แผนการผลิต
Mercedes-Benz กำลังเตรียมเครือข่ายการผลิตทั่วโลกสำหรับการผลิต electric-only ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ซึ่งด้วยการลงทุนในระยะเริ่มต้นในการผลิตที่มีความยืดหยุ่นและระบบการผลิต MO360 ที่ทันสมัย ทำให้สามารถผลิตรถยนต์ BEV จำนวนมากได้แล้วในวันนี้ และไม่เกินปีหน้า รถยนต์ไฟฟ้า 8 รุ่นจะถูกผลิตจากโรงงาน ผลิต 7 แห่งใน 3 ทวีป นอกจากนี้ โรงงานประกอบรถยนต์และแบตเตอรี่ทั้งหมดที่ดำเนินการโดย Mercedes-Benz AG จะเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตที่ปราศจากคาร์บอนภายในปี 2020 

และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต Mercedes-Benz ได้ผนึกกำลังกับ GROB ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตแบตเตอรี่และระบบอัตโนมัติของเยอรมนี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทั้งในเรื่ององค์ความรู้และกำลังการผลิตแบตเตอรี่ ความร่วมมือครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การประกอบโมดูลแบตเตอรี่และการประกอบแพ็ค นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่แห่งใหม่ในเมืองคุปเปนไฮม์ ประเทศเยอรมนี เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และรักษาความสามารถในการรีไซเคิล โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2023 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่มีแนวโน้มในทางบวก

แผนกำลังคน
การเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ Mercedes-Benz มีความพร้อมและกำลังดำเนินการอยู่ ภายใต้การทำงานร่วมกันกับตัวแทนพนักงาน พร้อมเดินหน้าเปลี่ยนแปลงด้านกำลังคนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แผนการปรับทักษะใหม่ที่มีความครอบคลุม การเกษียณอายุก่อนกำหนด และการเข้าซื้อกิจการ TechAcademies จะเสนอการฝึกอบรมเพื่อนร่วมงานสำหรับคุณสมบัติที่ต้องการสำหรับอนาคต ทั้งนี้ในปี 2020 เพียงปีเดียว พนักงานประมาณ 20,000 คนในเยอรมนีได้รับการฝึกอบรมด้านการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (e-mobility) เพื่อให้เป็นไปตามแผนสำหรับการพัฒนาระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่จะมีการสร้างงานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ใหม่กว่า 3,000 ตำแหน่งทั่วโลก

แผนการเงิน
Mercedes-Benz ยังคงมุ่งมั่นต่อเป้าหมายในการทำกำไรที่กำหนดไว้ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 เป้าหมายของปีที่แล้วอิงจากการสันนิษฐานว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะสามารถขายรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าในสัดส่วน 25% ภายในปี 2025 ส่วนการปรับแผนในวันนี้จะอิงจากส่วนแบ่งของยอดขาย xEV ที่สันนิษฐานว่าจะสูงสุดถึง 50% ภายในปี 2025 รวมถึงสถานการณ์ในตลาดสำหรับการขายรถยนต์ใหม่ซึ่งจะปรับเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ สิ่งที่สำคัญคือการเพิ่มรายได้สุทธิต่อหน่วยโดยการเพิ่มสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ เช่น Mercedes-Maybach และ Mercedes-AMG ในขณะเดียวกันกับที่ Mercedes-Benz สามารถควบคุมราคาและการขายได้โดยตรงมากขึ้น 

รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากบริการด้านดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนผลลัพธ์นี้ต่อไป Mercedes-Benz ยังมุ่งหน้าลดต้นทุนทั้งต้นทุนผันแปรและต้นทุนคงที่ต่อไป พร้อมทั้งลดส่วนแบ่งการลงทุนของเงินลงทุน แพลตฟอร์มแบตเตอรี่ทั่วไปและโครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับขนาดได้ รวมทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ จะช่วยให้เกิดมาตรฐานที่สูงขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลง สัดส่วนต้นทุนแบตเตอรี่ภายในรถคาดว่าจะลดลงอย่างมาก การจัดสรรเงินทุนจะถูกปรับจาก EV-first เป็น EV-only  ส่วนการลงทุนในเครื่องยนต์สันดาปและเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด จะลดลง 80% นับจากปี 2019 ถึง 2026 ซึ่งภายใต้แนวความคิดทั้งหมดนี้ Mercedes-Benz คาดการณ์อัตรากำไรของบริษัทในยุคของรถยนต์ BEV จะอยู่ในอัตราเดียวกันกับยุคของเครื่องยนต์สันดาป

"หน้าที่หลักของเราในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการโน้มน้าวให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนด้วยผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม สำหรับ Mercedes-Benz รถยนต์รุ่นแฟลกชิปที่บุกเบิกตลาดอย่าง EQS จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการก้าวสู่ยุคใหม่ของวงการยานยนต์ในอนาคต" มร.โอลา คัลเลเนียส กล่าว

เกี่ยวกับ Mercedes-Benz AG
Mercedes-Benz AG เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์ Mercedes-Benz และรถตู้ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 173,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ยานยนต์ไร้คนขับ และยานยนต์ทางเลือก โดยการใช้นวัตกรรมล้ำสมัยต่าง ๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์ Mercedes-Benz และแบรนด์ย่อย Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach และMercedes me รวมทั้งแบรนด์ Smart และแบรนด์ EQ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz AG เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับพรีเมี่ยมรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2020 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกือบ 2.4 ล้านคัน และรถตู้กว่า 438,000 คัน Mercedes-Benz AG ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตกว่า 40 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองกลุ่มธุรกิจ สำหรับ Mercedes-Benz AG ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเดมเลอร์ ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

แท็กที่เกี่ยวข้อง

mercedes-benz eq ข่าวรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ mercedes-benz eqs vision eqxx mercedes-benz ag mercedes-maybach

ข่าวและอีเว้นท์รถยนต์ล่าสุด

Hyundai ปล่อยแคมเปญรับเปิดเทอม Hyundai Back to School พร้อมข้อเสนออุ่นใจสำหรับทุกครอบครัว
เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย เชิญชวนสัมผัสอนาคตแห่ง AI MOBILITY ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ รุ่น G6 และ X9 อย่างใกล้ชิด พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปีใน "XPENG ROADSHOW 2025"
Porsche 911 Spirit 70 ถ่ายทอดอารมณ์แห่งความอิสระและความสนุกแบบยุค 70s–80s ด้วยสีสุดเอ็กซ์คลูซีฟ,ลวดลายคลาสสิก Pasha และ คอลเลกชันไลฟ์สไตล์ สำหรับนักสะสมที่ออกแบบมาในธีมเดียวกันโดยเฉพาะ
Lamborghini เผยธุรกิจโตต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2568 ด้วยผลประกอบการดีเยี่ยมทั้งด้านรายรับ กำไร และยอดส่งมอบรถยนต์ ท่ามกลางความท้าทายของตลาดโลกวันนี้


เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)