
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดตัวรถยนต์คอมแพคซีดานพลังไฮบริดใหม่ YARIS ATIV HEV ไลน์อัพใหม่ 2 รุ่นย่อย พร้อมเติมความสดให้กับอีก 4 รุ่นย่อน พลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร เพิ่มทางเลือกให้กว้างขึ้นสำหรับผู้ที่อยากได้คอมแพคซีดานที่ให้ความคุ้มค่ากับราคามากสุดในตลาด ทั้งยังโดดเด่นด้วยขุมพลังไฮบริดและเทคโนโลยีอันทันสมัยมากมาย ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถยนต์ซีดานราคาประหยัดที่ "แรงกว่า ไปได้ไกลกว่า และประหยัดกว่า"



สำหรับรถยนต์ไฮบริดทั้ง 2 รุ่นย่อย ได้ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด (รหัส 2NR-VEX) ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ผสานการทำงานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้แบตเตอรี่ไฮบริดลิเธียมไอออน (Li-ion) และระบบส่งกำลังอัตโนมัติ E-CVT จนได้ให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า และสามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองได้สูงสุดที่ 29.4 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก ECO STICKER โดยทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ ในรุ่น HEV Premium) และมีโหมดการขับให้เลือก 3 รูปแบบการใช้งานคือ ECO, NORMAL และ POWER


สำหรับ โตโยต้า YARIS ATIV HEV มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย แตกต่างด้วยสไตล์พรีเมียมและสปอร์ตสุดขั้ว
รุ่น HEV Premium ที่เน้นความสวยหรูและใช้งานได้ครบถ้วนอย่างคุ้มค่า
รุ่น HEV Premium ที่เน้นความสวยหรูและใช้งานได้ครบถ้วนอย่างคุ้มค่า

เริ่มจากอุปกรณ์ภายนอก ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่น
กระจังหน้าด้านบนเป็นสีโครเมียมรมดำ-ด้านล่างเป็นสีเทาเมทัลลิก และได้ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 16 นิ้ว
กระจังหน้าด้านบนเป็นสีโครเมียมรมดำ-ด้านล่างเป็นสีเทาเมทัลลิก และได้ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 16 นิ้ว


ด้านภายในห้องโดยสารได้เบาะหนังสังเคราะห์ (PU) สีดำ-เทา, หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ใหม่ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ทั้งยังได้แท่นชาร์จไฟไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟนด้วย นอกจากนี้ก็สะดวกสบายด้วย ระบบเบรกมือแบบไฟฟ้า EPB (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH (Auto Brake Hold) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ระบบกรองฝุ่น PM2.5 และที่เติมสีสันเข้ามาใหม่ก็คือ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ปรับได้ 64 เฉดสี


ส่วนระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense (TSS) ได้เติมฟังก์ชั่นใหม่ LKC : Lane Keeping Control หรือระบบช่วยคุมรถให้อยู่ในเลน ซึ่งทำงานคู่กับ Adaptive Cruise Control แบบ All speed พร้อมระบบเดิมที่มีให้ครบครัน เช่น
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยจอด RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor)
- สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
- กล้องวิดีโอบันทึกภาพด้านหน้า DVR (Digital Video Recorder) และ Airbag 6 ตำแหน่ง
รุ่น HEV GR SPORT คือ ทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากได้ซีดานสปอร์ต ขับสนุก มีสไตล์ที่ชัดเจนแบบ GR และคุ้มค่าตัวที่สุด

ความโดดเด่นของรุ่นนี้เริ่มจากกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เฉพาะรุ่น พร้อมโลโก้ GR, ชุดแต่ง GR-S ประกอบด้วย สเกิร์ตกันชนหน้า สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตกันชนหลัง และสปอยเลอร์หลัง, หลังคาดำ, ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว, ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงปรับจูนพิเศษ, พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับจูนพิเศษ พร้อมโลโก้ GR, กระจกมองข้างสีดำปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED แบบพับเก็บอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังคลุมโทนด้วยเบาะหนังสังเคราะห์และพวงมาลัยสีดำ พร้อมโลโก้ GR และลำโพง pioneer 6 ตำแหน่ง



สำหรับสีภายนอกและภายในมีให้เลือกดังนี้
รุ่น HEV Premium มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี คือ
รุ่น HEV Premium มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี คือ
- สีเงิน Metal Stream Metallic
- สีเทา Urban Metal
- สีดำ Attitude Black Mica
- สีขาวมุก Platinum White Pearl
- สีแดง Red Mica Metallic ภายในเป็นสีดำ-เทา
รุ่น HEV GR SPORT มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ
- สีดำ Attitude Black Mica
- สีขาวมุกหลังคาดำ
- สีแดงหลังคาดำ ภายในเป็นสีดำ

ด้านระบบความปลอดภัยจัดเต็มกับ TOYOTA SAFETY SENSE ในทุกรุ่นย่อย และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย และเพิ่มใหม่ !
- ระบบช่วยคุมรถให้อยู่ในเลน LKC (Lane Keeping Control) ที่ทำงานคู่กับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) แบบ ALL-SPEED
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS (Pre-Collision System)
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ LDA (LANE DEPARTURE ALERT)
- ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (PEDAL MISOPERATION CONTROL)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (FRONT DEPARTURE ALERT)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB (AUTOMATIC HIGH BEAM)
- กล้องมองรอบคัน PVM (PANORAMIC VIEW MONITOR)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (BLIND SPORT MONITOR)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยจอด RCTA (REAR CROSS TRAFFIC ALERT)
- สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
- ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทุกตำแหน่งการนั่ง ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ (FOLLOW-ME-HOME)
- กุญแจรีโมท พร้อมระบบกุญแจนิรภัย IMMOBILIZER และระบบเตือนการโจรกรรม TDS (THEFT DETERRENT SYSTEM)
- ระบบเซ็นทรัลล็อก พร้อม SPEED AUTO LOCK
- กล้องวิดีโอบันทึกภาพด้านหน้า DVR (Digital Video Recorder)

อุ่นใจเทคโนโลยี T-CONNECT กับ 4 คุณสมบัติหลัก ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง
- Always Located & Protected กับ Find My Car บริการเช็กตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ หมดปัญหาจำที่จอดไม่ได้ หารถไม่เจอ, TheftTrack บริการตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม และประสานความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง, SOS บริการประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง, Geo-Fencing บริการแจ้งเตือนเมื่อรถเคลื่อนออกจากจุดจอดหรือขอบเขตที่คุณกำหนดไว้
- Telematics Care กับ TCFR Plus+ สิทธิขยายระยะรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 8 ปี หรือ 225,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), Maintenance Reminder บริการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเข้าศูนย์บริการ พร้อมนัดหมายศูนย์บริการออนไลน์, Vehicle Information บริการข้อมูลรถ แสดงสถานะรถ เช็กประวัติ และสถานะงานซ่อมเรียลไทม์, PHYD Insurance ประกันภัย “ขับดี ลดให้” พิเศษด้วยดอกเบี้ยประกันภัยจ่ายตามพฤติกรรมการขับขี่ พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อใกล้ถึงเวลาต่อประกันภัย
- Happiness Mobility กับ Toyota Alive-X โปรแกรมสะสมคะแนน The 1 ใช้แลกเป็นส่วนลดในการเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการโตโยต้า, Connect You บริการแจ้งสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า T-Connect, Concierge Services บริการผู้ช่วยส่วนตัวให้คุณสอบถามเส้นทาง จองร้านอาหาร และอื่นๆอีกมากมาย
หมายเหตุ : การให้บริการของ T-Connect ต้องดาว์โหลดแอปพลิเคชัน และต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรถเพื่อใช้งาน


กด

เขียนโดย
ชลัคร ช่วยชู
CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่