ในที่สุดค่าย NETA ก็ออกมามีข่าวว่า ในประเทศจีนทาง Zhejiang Hozon New Energy Automobile บริษัทผู้พัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากที่ใช้งานรถยนต์แบรนด์นี้อยู่ วันนี้ กูรูช้าง-สินธนุ จำปีศรี จะมาวิเคราะห์ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น จะมีผลอย่างไรกับลูกค้าที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้อยู่และควรเตรียมตัวอย่างไรต่อไปในอนาคต อันใกล้นี้

 

อ่านบทความและข่าว NETA ที่เกี่ยวข้อง

• ศึก EV ขนาดเล็ก Wuling Binguo VS Neta V-II คันไหนจะคุ้มกว่ากัน?
• ลองก่อนขายจริง NETA X ขับดีมั้ย พร้อมลอง ADAS ใน NETA V-II ใหม่
• พรีวิว NETA V II อับเกรดใหม่หลายจุดราคาเริ่มต้น 5 แสนบาท!
• ลองแล้วว่าที่สปอร์ตไฟฟ้า NETA GT 580 จะมาไทยเร็ว ๆ นี้

สาเหตุการล้มละลายของ NETA

• บริษัทแม่ในจีนเผชิญปัญหาทางการเงินจากการขาดทุนสะสม
• ไม่สามารถชำระหนี้ให้ดีลเลอร์และซัพพลายเออร์ได้
• ไม่สามารถส่งชิ้นส่วนหรือซ่อมบำรุงได้อย่างต่อเนื่องในไทย
• ความพยายามเจรจากับนักลงทุนใหม่ไม่เป็นผล

ผลกระทบต่อลูกค้าในไทย

1. ศูนย์บริการบางแห่งเริ่มปิดตัวลง - ผู้ใช้อาจพบว่าโชว์รูมหรือศูนย์บริการที่เคยใช้งานหายไป หรือไม่สามารถสั่งอะไหล่ได้
2. มูลค่าขายต่อดิ่งลง - ราคามือสองตกอย่างหนัก เพราะมีความเสี่ยงด้านการซ่อมบำรุง
3. ความยากลำบากในการหาอะไหล่ - โดยเฉพาะชิ้นส่วนเฉพาะทาง เช่น มอเตอร์, อินเวอร์เตอร์, จอคอนโซล ซึ่งไม่สามารถหาเทียบได้ง่าย 

 

แนวทางแนะนำสำหรับผู้ใช้ NETA ปัจจุบัน

• แนะนำให้ผ่อนต่อจนจบ เพื่อรักษาเครดิต
• ใช้รถต่อไปหากยังไม่มีปัญหาหนัก

• หากยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถ ให้ใช้งานต่อเพื่อความคุ้มค่า
• ศึกษาอู่ที่สามารถดูแลรถ EV ได้แทนศูนย์บริการเดิม

อู่แนะนำและทางเลือกในการดูแลรถ

• อู่อิสระที่รับซ่อม EV ทั่วไป เช่น กิ้งกือ EV Shop, ALL EV SERVICE ฯลฯ
• อู่ที่เชี่ยวชาญในการแปลงชิ้นส่วน เช่น ใช้มอเตอร์หรือแบตเตอรี่จากแบรนด์อื่นแทน
• ร้านกระจก/ช่วงล่างทั่วไป ยังสามารถดูแลเบื้องต้นได้

 

หากคุณรับความเสี่ยงได้ และได้ราคาที่ถูกพอ รถ NETA อย่างรุ่น X หรือ V ก็ยังถือว่าคุ้มค่าในแง่สเปกและวัสดุที่ให้มา แต่ควรตระหนักถึงภาระเรื่องบริการหลังการขายและอะไหล่ในอนาคตอย่างรอบคอบ