Mazda6e เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ที่มาสด้าพัฒนาขึ้นตามแนวทาง Multi-solution Technology สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าไว้อย่างชัดเจนในทุกองค์ประกอบ ซึ่งจริงๆ แล้วรถรุ่นนี้มีการทำตลาดในจีนโดยใช้ชื่อ Mazda EZ6 โดยมีการโชว์ตัวไปตั้งแต่ในงาน Beijing Auto Show เมื่อเดือนเมษายน 2024 แต่พอเริ่มกระจายสู่ตลาดซึ่งเป็น Global ไม่ว่าจะเป็น ยุโรป หรือว่าในไทยต่อจากนี้ก็จะใช้ชื่อว่า Mazda6e ซึ่งจะเป็นชื่อที่ใช้เรียกอย่างเป็นทางการ ส่วนการเปิดตัวในยุโรปครั้งแรกในงาน Brussels Motor Show 2025 ที่เบลเยียมเมื่อ 10 มกราคม และจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ แต่จริงๆ แล้วรถคันนี้ผลิตโดย Changan Automobile ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง Mazda และ Changan ซึ่งสเปคก็จะใกล้เคียง Deepal LO7 ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะว่า เป็นการที่ค่ายรถค่ายนึงไปจับมือกับค่ายรถอีกค่ายหนึ่งเพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนพัฒนารถยนต์หนึ่งคันซึ่งทางมาสด้าเแงก็ถนัดในเกมแบบนี้อยู่แล้ว แทนที่จะต้องมาเริ่มพัฒนาจาก 0 ก็ไปร่วมกับอีกแบรนด์แล้วก็ปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้มี DNA ของแบรนด์ตัวเองแล้วก็ส่งเข้าสู้ตลาดเพื่อจำหน่าย เหมือนกับที่ทำใน BT-50 หรืออีกตัวอย่างที่พอจะจำกันได้ก็ การจับมือกับ Toyota ในยุโรป 

Mazda6e ถูกพัฒนาขึ้นตามแนวทาง Multi-solution Technology สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์เอาไว้อย่างชัดเจนในทุกองค์ประกอบ ดีไซน์ภายนอกดูสง่างามตามแนวคิด Kodo Design – Soul of Motion โดยใช้ธีมการออกแบบ Authentic Modern ที่สะท้อนถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ควบคู่ไปกับความแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใครของยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้การออกแบบที่ล้ำสมัยซึ่งเหมาะกับยุคของยานยนต์ไฟฟ้า โดยรวมแล้ว รถคันนี้มีรูปลักษณ์แบบคูเป้ที่เรียบง่ายและไหลลื่น โดยจะมากับขนาดตัวถังยาว 4,921 มม., กว้าง 1,890มม., และสูง 1,485มม. กัลลอัลลอยขนาด 19 นิ้ว

ส่วนภายในนั้นจะรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง มีหลังคากระจก Panoramic Roof, หน้าจอ Touchscreen ขนาด 14.6 นิ้ว, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Full Digital ขนาด 10.2 นิ้ว แถมยังมี Head-up Display,Wireless Charger, ภายในห้องโดยสาร จะมากับสีทูโทนดำ-น้ำตาล พร้อมเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีน้ำตาล เป็นต้น

นั้นขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 244 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ให้ระยะการขับขี่ได้ไกลสุดถึง 552-600 กม. (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.8 วินาที

มาพร้อมเทคโนโลยี FAST CHARGE สามารถชาร์จไฟจาก 30%-80% ได้เร็วสูงสุดภายใน 15 นาที ทั้งยังมีกระจายน้ำหนัก 50:50 อีกด้วย สำหรับกูรูบอมก็ถือว่าพอใช้ได้ครับ กับตัวรถที่มีตัวถังขนาดใหญ่ถือว่าเป็นซีดานของครอบครัวคันนึงเลยทีเดียว

รถคันนี้มอบความสนุกสนานในการขับขี่ตามปรัชญา Jinba Ittai (จินบะ-อิไต) หรือ รถและผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกัน เน้นหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลางและมีฟังก์ชันอัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะที่ให้การสนับสนุนผู้ขับขี่ ตลอดจนเทคโนโลยีลดอุบัติเหตุ และห้องโดยสารอัจฉริยะพร้อมระบบควบคุมด้วยเสียง สัมผัส และท่าทาง,เทคโนโลยีบรรเทาอุบัติเหตุ, เทคโนโลยีจอดรถอัจฉริยะที่ให้สามารถควบคุม Mazda EZ-6 ด้วยเสียงแม้ว่าคนขับจะอยู่นอกตัวรถ และเทคโนโลยีห้องโดยสารอัจฉริยะ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้มุ่งหวังที่จะยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย

Mazda6e ถ้าให้คาดเดา ก็คงต้องอิงจากราคาของ Deepal LO7 ที่ปัจจุบันมีราคายู่ที่ 1.239-1.329 ล้านบาท กูรูบอม ก็คาดว่าราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 1.4-1.5 ล้านบาท แต่ถ้าเกินเกิด 1.5 ล้านขึ้นไปก็เริ่มจะทำตลาดลำบากแล้ว เพราะในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้ราคามีผลมาก ๆ คือถ้าตั้งราคาสูงไปก็มีโอกาสที่จะไม่ถูกเลือกครับ อย่างที่เห็นครับว่าหลายแบรนด์เนี่ย พอใครที่เปิดราคาไปก่อนแล้วมีอีกแบรนด์ประกาศราคาออกมา ก็ต้องมานั่งปรับราคาดลงมากันอย่างที่เห็นเป็นข่าวนั่นแหละครับ

นอกจาก Mazda6e แล้ว คันนี้ก็เป็นรถอีกรุ่นที่เป็นไฮไลทประจำบูธในปีนี้ ที่โดดเด่นด้วยโรดเสตอร์คันงาม แต่น่าจะยังเป็นรถคอนเซ็ปต์คาร์อยู่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยใช้เครื่องยนต์โรตารี่แบบ 2 โรเตอร์ ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ รองรับการใช้พลังงานหลากหลายรูปแบบ มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ น้ำหนักเบา กระจายน้ำหนัก 50:50 ได้รับการออกแบบตามแนวทาง Kodo Design รวมถึงการขับขี่ที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับรถ เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่ โดยรถต้นแบบคันนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อฟื้นตำนานรถสปอร์ตเครื่องยนต์โรตารี่ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

สรุป Mazda6e โดย กูรูบอม

Mazda 6e เป็นซีดานหรูขนาดใหญ่พลังไฟฟ้าที่ร่วมกับทาง Changan พัฒนาให้โดยเฉพาะ อาศัยแพลตฟอร์มเดียวกับ Deepal LO7 สเปคเหมือนกันแต่อาจต่างกันทางตัวเลขไม่มากด้านพลัง เมื่อดีไซน์ภายนอกและภายในเป็นมาสด้าที่มีซฺิกเนเจอร์เฉพาะดูลงตัวและหรูหราจริง เปิดตัวและขายในจีนในอีกชื่อไปตั้งแต่ปีก่อน ปีนี้พร้อมลุยตลาดโลกและไทย คาดว่าจะเปิดจองในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ด้วยราคาที่น่าจะอยู่ประมาณ 1.4 ล้านบาท บวกลบ ถ้าอ้างอิงจาก Deepal LO7 ที่ขายอยู่ 1.329 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นปรากฎการณ์ครั้งใหม่ของมาสด้าในยุคต่อจากนี้ที่จะเปิดตัวรถไฟฟ้า, ปลั๊กอินไฮบริด และไฮบริดอีก 4 โมเดลภายใน 2 ปีนับจากนี้ และน่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าไทย โดยเฉพาะตลาดซีดาน ดีเซกเม้นต์ ที่แข่งกันอยู่ระหว่างไฮบริด ด้วยราคาที่เกิน 1.5 ล้านบาท ใครชอบเตรียมรอเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางได้เลย