ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

บทความรถยนต์

icon-filter ค้นหารถยนต์แบบละเอียด
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

เช็กให้ดี! จ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์อย่างไร ไม่ให้ถูกหลอก

icon 13 ก.ค. 68 icon 1,889
Share
เช็กให้ดี! จ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์อย่างไร ไม่ให้ถูกหลอก
ปัจจุบันการทำประกันภัยรถยนต์ มักทำผ่านนายหน้าตัวแทน หรือทำผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือเป็นช่องทางที่สะดวก รวดเร็ว แต่ก็อาจมีข้อเสียตรงที่ช่องทางเหล่านี้อาจมีมิจฉาชีพแอบแฝงอยู่โดยที่เราไม่รู้ก็เป็นได้ จากเคสที่เคยมีผู้ร้องเรียนเรื่องการถูกโกงจากการทำประกันภัยรถยนต์ เรื่องที่พบบ่อย คือ ทำประกันภัยรถยนต์ จ่ายเบี้ยประกันภัยแล้วไม่ได้รับกรมธรรม์ แต่ด้วยความเชื่อใจก็ไม่ได้ติดตามทวงถาม พอถึงเวลาเกิดเหตุต้องเคลมประกันกลับเคลมไม่ได้ เพราะพนักงานไม่ได้แจ้งบริษัทประกันเพื่อทำความคุ้มครองให้กับลูกค้า เป็นต้น วันนี้เราจะพามาชี้จุดเช็ก ก่อนจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย ควรสังเกตอะไรบ้างเพื่อไม่ให้ถูกหลอก
1. เลือกบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือ โดยอาจเลือกบริษัทประกันภัยที่รู้จักคุ้นเคยดีอยู่แล้ว หรือเลือกเปรียบเทียบหลายๆ บริษัทประกันภัย จากบริษัทโบรคเกอร์ที่มีการรวบรวมข้อมูลแผนประกันภัยไว้ให้ ซึ่งหากเลือกบริษัทประกันจากโบรคเกอร์ แนะนำให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าบริษัทนั้นๆ มีใบอนุญาตประกอบการจริง โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ คปภ. >> http://oiceservice.oic.or.th/corporatebroker/license.php

2. ตรวจสอบใบอนุญาตของนายหน้า หรือตัวแทนประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันประเภทใด ตัวแทนประกันภัยจะต้องมีใบอนุญาตชัดเจน และจะต้องแจ้งเลขที่ใบอนุญาตทุกครั้งก่อนนำเสนอแผนประกันให้กับลูกค้า ซึ่งหากเราไม่มั่นใจว่าตัวแทนที่นำเสนอแผนประกันภัยให้กับเรามีใบอนุญาตจริง สามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของ คปภ. >> http://oiceservice.oic.or.th/licenseagency/license.php

3. ควรชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยเข้าบัญชีบริษัทประกัน และควรตรวจสอบชื่อบัญชีก่อนโอนเงินทุกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราได้โอนเงินเพื่อชำระค่าประกันภัยเข้าบัญชีของบริษัทประกันนั้นๆ เรียบร้อยแล้ว และควรเก็บหลักฐานการโอนเงินไว้เสมอ หลีกเลี่ยงการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลทั่วไป บัญชีนายหน้าตัวแทน หรือแม้แต่การจ่ายเป็นเงินสด เพราะอาจเกิดกรณีเงินที่เราจ่ายไปไม่เข้าถึงบัญชีบริษัท และอาจทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่เราทำประกันภัยไว้

4. เช็กความคุ้มครองกับบริษัทประกันภัย ควรตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์กับบริษัทประกันภัยทุกครั้งหลังจากที่เราชำระค่าเบี้ยประกันไปแล้วอย่างน้อย 1 - 7 วันทำการ โดยเราสามารถเช็กข้อมูลการประกันภัยที่เราซื้อได้ว่าถูกต้องตรงตามที่ตกลงกับนายหน้า / ตัวแทน หรือตรงกับแผนประกันภัยที่เราเลือกไว้หรือไม่ เช่น เบี้ยประกัน ทุนประกัน วันคุ้มครอง ทะเบียนรถ รายละเอียดของผู้เอาประกันภัย เป็นต้น เพื่อความมั่นใจว่าเราจะได้รับความคุ้มครองตรงกับแผนประกันภัยที่เราเลือกไว้
 
สรุปแล้ว…ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยรถยนต์ ควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ สอบถามชื่อ นามสกุล เลขที่ใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัย พร้อมชื่อบริษัทที่รับทำประกันภัย รวมถึงควรศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยของบริษัทเดิมกับบริษัทอื่น รวมทั้งเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวแทน/นายหน้าประกันภัย สามารถสอบถามไปยังบริษัทที่ประสงค์จะทำประกันภัย และเมื่อจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยแล้ว ให้เรียกใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง สุดท้ายเมื่อได้รับเล่มกรมธรรม์ประกันภัยแล้วควรติดต่อกลับไปยังบริษัทที่รับประกันภัยเพื่อยืนยันว่าบริษัทได้รับประกันภัยเรียบร้อยแล้วด้วยนะคะ
 
หากเกิดกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตัวแทน/นายหน้า ไม่แจ้งงานประกัน แล้วเรียกร้องไปยังบริษัทโบรคเกอร์ไม่ได้ สามารถร้องเรียนไปที่ คปภ. ได้ที่เว็บไซต์ http://www.oic.or.th 
 
ขอบคุณข้อมูล : asiadirect.co.th
 
อยากสอบถามข้อมูลความรู้เรื่องประกันรถยนต์  หรือเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม ทักมาพูดคุยกับ GURU ได้ที่นี่!! https://page.line.me/uht3147t
CAR GURU
เขียนโดย ชนานาถ จินตกสิกรรม CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่

รถยนต์เปิดตัวล่าสุด

ดูทั้งหมด

บทความรถยนต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)