การขับรถทางไกลในบ้านเราพาหนะที่สะดวกและยอดนิยมก็หนีไม่พ้นรถเอสยูวี ตลอดจนพีพีวี สังเกตุได้ตลอดการเดินทางด้วยสภาพถนน ลักษณะการใช้งาน และความคุ้มค่า
การเดินทางครั้งนี้จากกรุงเทพฯ มุ่งสู่บุรีรัมย์เพื่อร่วมงานวิ่งระดับโลกอย่าง บุรีรัมย์มาราธอน ที่ได้มาตรฐานระดับเหรียญเงินของโลก การเดินทางครั้งนี้มีพาหนะเป็นเอสยูวีระดับโลกเช่นกันนั่นคือ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLE 350 de (4,699,000 บาท) เอสยูวีหรูคันใหญ่ ขนาดกลางรองจาก GLS จริงๆ ก็นับว่าใหญ่มากๆ สำหรับคนไทยเพราะด้วยขนาด เมื่อจอดเทียบกับพีพีวียอดนิยมในตลาดแล้วดู GLE กลายเป็นเดอะ ฮัคไปเลย ด้วยความกว้างและยาวที่มากกว่าอย่างน้อย 100 มม. เหนือสิ่งอื่นใดของแบรนด์เยอรมนีอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ คือ ความหรูหราและทันสมัยของเทคโนโลยีระดับโลก
ความประทับใจกับการเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สัมผัสตัวรถวันแรก ภายนอกดูโค้งมน ลายเส้นตัวถังไหลลื่นทันสมัย มีดีเอ็นเอความเป็นพี่น้องในตระกูล GL ชัดเจน การก้าวขึ้นลงสำหรับผู้เขียนที่สูง 171 ซม. สะดวกอยู่เพราะมีบันไดข้างที่ใช้เหยียบทิ้งน้ำหนักได้สบาย ด้วยความเป็นเอสยูวี 5 ที่นั่ง ภายในห้องกว้างนั่งสบายทุกตำแหน่ง เบาะคนขับปรับตำแหน่งเหมาะสมด้วยระบบไฟฟ้าแล้วให้มุมมองที่มั่นใจประกอบกับเซนเซอร์รอบคันและกล้องหลังที่ชัดเจนมากๆ ทำให้การเข้าจอด ถอยออกทั่วไปทำได้คล่องตัวมาก ผู้เขียนใช้งานในเมืองช่วงสั้นก่อนออกเดินทางพบว่าตัวรถตอบสนองการใช้งานได้คล่องตัวไม่ต่างจากรถเอสยูวีขนาดเล็กทั่วไปเลย เหนือกว่าด้วยขุมพลังที่ตอบสนองได้อยางฉับไวและไหลลื่น การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนง่ายไม่ยุ่งยาก เสียงเพลงที่เล่นจาก Spotify ผ่านลำโพงรถออกมาคุณภาพเสียงจัดอยู่ในระดับไฮเอนด์ทีเดียว ระบบนำทางของตัวรถก็ให้อินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย และดูละเอียดดีอยู่แล้ว เสียดายที่ผู้เขียนไม่ได้เชื่อมต่อระบบแอนดรอยออโตหรือแอปเปิ้ลคาร์เพลย์ การขับในเมืองโหมด Comfort เน้นใช้ความเร็วต่ำสลับชะลอหยุด และเร่งออกตัว GLE 350 de คันนี้ก็ยังขับได้สบาย อาจมีบ้างในจังหวะเบรกที่โมเมนตัมของตัวรถขนาดสองตันกว่าติดแรงเฉื่อยไปข้างหน้าจนรู้สึกได้นิดๆ แต่ระบบเบรกก็หน่วงชะลอหยุดได้สบาย ความรู้สึกที่ชื่นชอบของการขับในเมืองคือ ความเงียบภายในห้องโดยสาร ยิ่งเป็นตอนกลางคืนได้เห็นแสงไฟแอมเบี้ยน ตลอดจากจุดต่างๆ ภายในรถยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องหรูส่วนตัว การขับในเมืองสังเกตุการภาพกราฟฟิก Energy Flow ที่แสดงสถานะการชาร์จ เครื่องยนต์และหรือมอเตอร์ทำงาน ช่วยให้เราเข้าใจการขับมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามด้วยเวลาอันจำกัดผู้เขียนพยายามหาสเตชั่นชาร์จแล้วแต่ก็ไม่มีตู้จ่ายแบบ AC ที่ใช้กับคันนี้ได้ ทางเมอร์เซเดสฯ ได้ให้สายชาร์จติดรถเพื่อต่อเข้ากับปลั๊กไฟบ้านทั่วไปมาให้ 1 ชุด แต่มีเงื่อนไขว่าต้องต่อเข้าปลั๊กบ้านโดยตรงและเป็นระบบไฟที่เดินสายดินเรียบร้อย เลยได้ใช้ไฟที่ชาร์จมาให้อยู่ 50% ร่วมกับการทำงานของเครื่องยนต์ในการเดินทางครั้งนี้
หน้าจอทัชสกรีนกลางมีการแสดงให้เห็นระยะทางรวมที่สามารถไปได้ทั้งหมดจากการประเมินใช้น้ำมันและไฟฟ้าที่มีอยู่ ตลอดจนโบนัสจากการรีชาร์จเวลาถอนคันเร่ง เมื่อเข้าสู่ช่วงการขับทางเปิดโล่งสู่ทางไกลปลายทางจังหวัดบุรีรัมย์ได้ปรับโหมดขับมาเป็น NORMAL ตลอดการเดินทางรู้สึกประทับใจกับช่วงล่างที่ซับแรงสั่นสะเทือนจากถนนเมืองไทยได้ดี นั่งสบายตลอดทางแม้ตัวรถใช้ล้อขนาด 20 นิ้ว ยาง 275/50 การเร่งแซงและไต่ทำความเร็วทำได้อย่างน่าประทับใจมากๆ เพราะอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เคลมไว้ที่ 6.8 วินาที นับว่าไม่ธรรมดากับเอสยูวีตัวถังขนาดนี้และมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 2 ตัน การผสานการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 2 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้พลังที่ดีตั้งแต่แตะคันเร่ง และประหยัดน้ำมันด้วย ด้านการขับเคลื่อนช่วงออกตัวและลอยตัวแล้วเติมคันเร่งให้ความรู้สึกเหมือนขับรถเอสยูวีขนาดเล็กที่มีความกระฉับกระเฉงและคล่องตัวสูง ผู้เขียนลองทั้งขับเองและนั่งในฝั่งผู้โดยสารรู้สึกได้เลยว่าเป็นเอสยูวีพรีเมียมที่ครบเครื่อง นั่งสบายและรู้สึกปลอดภัยไปจนถึงจุดหมายปลายทาง นอกจากนี้ช่วงขับกลางคืนในตัวเมืองบุรีรัมย์ก็ตื่นตาตื่นใจไปกับสีสันของแสงแอมเบี้ยนภายในห้องโดยสาร การเดินทางกลับก็ให้ความสบายไม่ต่างกันแม้เผชิญกับการจราจรหนาแน่นในช่วงจังหวัดสระบุรี อย่างไรก็ตามด้วยความไม่ชินกับเบาะเมื่อนั่งไปนานๆ รู้สึกเมื่อยก้นอยู่บ้าง
สรุปการเดินทางไกลด้วย
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLE 350 de (4,699,000 บาท)
ชอบขุมพลังที่ให้แรงบิดดีเยี่ยมออกตัวฉับไว เร่งได้ไหลลื่น มุมมองมั่นใจ ภายในห้องโดยสารโปร่งโล่งสบาย เทคโนโลยีล้ำสมัย อินเตอร์เฟสใช้งานง่าย และประหยัดน้ำมัน
3 มี.ค. 65
3,338
