
อีกครั้งกับบทพิสูจน์การใช้งานจริงของ นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ รถที่หลายคนมองว่าเป็นรถสมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัว
ไม่ว่าจะขับรถรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน หรือออกทริปท่องเที่ยวทางไกลในวันหยุดยาว ครั้งนี้เน้นหาคำตอบกันในการขับท่องเที่ยวไลฟสไตล์ทางไกลแบบครอบครัวที่มีโหลดจริงเต็มรถ มาติดตามกันว่า การเดินทางท่องไปกับนิสสัน เทอร์ร่าในครั้งนี้ได้ได้เหตุผลว่าทำไมต้องเลือก นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ให้เป็นรถสำหรับครอบครัว
ไม่ว่าจะขับรถรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน หรือออกทริปท่องเที่ยวทางไกลในวันหยุดยาว ครั้งนี้เน้นหาคำตอบกันในการขับท่องเที่ยวไลฟสไตล์ทางไกลแบบครอบครัวที่มีโหลดจริงเต็มรถ มาติดตามกันว่า การเดินทางท่องไปกับนิสสัน เทอร์ร่าในครั้งนี้ได้ได้เหตุผลว่าทำไมต้องเลือก นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ให้เป็นรถสำหรับครอบครัว

ทริปนี้เป็นการเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่ดอยอินทนนท์ พร้อมกับการใช้เส้นทางที่ท้าทาย รวมทั้งระยะทางรวมตลอดทริป 2,000 กม. โดยมีผู้โดยสาร 5 คน กับสัมภาระเต็มคันรถ นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ถูกใช้เต็มทุกพิ้นที่ เบาะคู่หน้า เบาะแถวสอง เบาะแถวสามพับลงครึ่ง เพื่อวางสัมภาระเพิ่มจากด้านท้าย จุดหมายแรกนครสวรรค์ ช่วงแรกใช้ทางหลวงหมายเลข 32 เป็นหลัก พยายามใช้ความเร็วระดับ 105-115 กม./ชม. บนทางเปิดโล่ง การเดินทางช่วงวีคแรกของเดือนธันวาคม การจราจรยังไม่หนาแน่นมากนัก ไม่เหมือนช่วงวีคสุดท้ายที่อาจทำความเร็วและเวลาเดินทางไม่ได้มาก การขับบนทางหลวงแบบมีโหลดเต็มรถผ่านรอยต่อถนน คอสะพาน หรือ พื้นผิวซ่อมแซม ช่วงล่างของ นิสสัน เทอร์ร่า เก็บอาการได้ดีอย่างน่าชื่นชม ความกระด้างแบบที่คาดคิดไม่มี คนนั่งแถว 2 และ 3 สามารถเพลิดเพลินไปกับการดู NetFlix จากจอกลางในรถ มาถึงนครสวรรค์เข้าพักกันแบบง่ายๆ ที่โรงแรมฮ็อปอินน์ ที่มีมาตรฐานเดียวกันหมด ส่วนตัวการพักแบบแค่อาศัยหลับแล้วไปต่อ ควรเลือกที่พักใหม่หน่อยและมีการจัดการเป็นระบบ ช่วงเย็นขับเทอร์ร่าขึ้นไปไหว้พระวัดคีรีวงศ์พร้อมชมทิวทัศน์มุมสูงของตัวเมืองยามเย็นได้ความสวยงามและประทับใจ มาแล้วก็ต้องหาของอร่อยขึ้นชื่อ เริ่มด้วย ก๋วยเตี๋ยวปลากราย 3 รส ร้านนายตี๋ และไปปิดท้ายของหวาน ไอศกรีม ลอดช่องใบเตย ร้านเปรมจิตแนวสตรีทฟู๊ดของตลาดริมน้ำกลางคืน ปิดวันด้วยความอร่อยโดนใจ เตรียมเข้านอนเร็วเพื่อเดินทางต่อไปดอยอินทนนท์









เทอร์ร่า ล้อหมุนออกจากนครสวรรค์กันในช่วงสาย ขับไปตามสายหลักหมายเลข 1 เข้าสู่ตาก ต่อขึ้นไปลำปาง และเลือกแยกเข้าสาย 106 เถิน - ลี้ - บ้างโฮ่ง ที่สุดท้าทาย เพราะปลายทางครั้งนี้อยู่ที่ จอมทอง - ดอยอินทนนท์ สำหรับการขับเดินทางในช่วงนี้นับเป็นการพิสูจน์สมรรถนะของตัวรถด้านอัตราเร่ง การบังคับเลี้ยว และเบรก ! ถนนสายนี้นักเดินทางหลายคนที่ชื่นชอบความสงบ สวยงามของเส้นทาง ประกอบกับสนุกกับการขับเข้าออกโค้งอย่างต่อเนื่องมักใช้ผ่านเข้าสู่เชียงใหม่ หรือไปแม่ฮ่องสอน สภาพถนนปัจจุบันนับว่าดีเลย ผู้เขียนขับนิสสัน เทอร์ร่า อย่างสบายใจเพราะเป็นช่วงวันธรรมดารถน้อยมาก จังหวะเข้าออกโค้งก็มีรถสวนมาเป็นพักๆ และมีเป็นกลุ่มบิ๊กไบค์แอดเวนเจอร์ แต่ก็มีบ้างที่เป็นรถใหญ่พ่วง เช่นเดียวกันเมื่อขับมาทันรถใหญ่ที่ช้าก็ต้องอาศัยพลังจากเครื่องยนต์เร่งแซง ด้วยกำลัง 190 แรงม้า กับ แรงบิด 450 นิวตันเมตร นับว่าเพียงพอต่อการพารถตัวรถที่หนัก 2,150 กก. เร่งผ่านไปได้อย่างไม่ต้องลุ้น และมั่นใจมากขึ้นกับมารยาทที่ดีเยี่ยมของคนขับรถบรรทุกสายนี้ ที่มักให้สัญญานแซงได้หรือไม่ก็หลบในจังหวะที่มีพื้นที่ข้างเพียงพอ อย่างไรก็ตามก็มีช่วงที่ผ่อนคลายยาวๆ เป็นทางตรงและโค้งเปิดกว้างสลับผ่านลี้เขาสู่บ้านโฮ่งจนไปบรรจบทางหลวงหมายเลข 108 ระยะทางกว่า 140 กม. นิสสัน เทอร์ร่า ที่ใช้ยางบริดจสโตน ผ่านมาได้แบบสวยๆ ทุกโค้ง ไม่มีอาการโรล ยางสไลด์ หรือเบรกไม่อยู่เลย ผ่านจุดนี้ได้อย่างน่าประทับใจ ผู้เขียนขับถึง อำเภอจอมทอง เชียงใหม่ เข้าเช็คอินที่พักในตัวอำเภอและเดินทางต่อไปที่ทำการอุทยานดอยอินทนนท์เพื่อเช็คอินงานแข่งวิ่งเทรล ตัวรถที่ผ่านการขับเคลื่อนมาตลอดทั้งวันยังทำหน้าที่ได้ดีเมื่อต้องเจอกับความลาดชันและแคบของเส้นทางขึ้นดอย ในช่วงลงดอยกลับสู่ที่พักก็นับเป็นการพิสูจน์สมรรถนะเบรกเต็มที่เพราะด้วยน้ำหนักตัวรถกับผู้โดยสาร 5 คน กับสัมภาระทำให้ช่วงล่าง ยาง และเบรกทำงานหนักมากขึ้น ผู้เขียนขับลงด้วยความเร็วที่เหมาะสม พยายามใช้ไลน์ให้อยู่ในเลนซ้ายเพื่อความปลอดภัยเวลาผ่านทางโค้งลับตา จนมาถึงแยกดอยอินทนนท์ มุ่งกลับจอมทองไปทานอาหารเย็นกันที่ครัวเฟื่องฟ้า ร้านอาหารเหนือขึ้นชื่อของจอมทอง ตั้งอยู่บนริมถนน 108 หลังอิ่มอร่อยเติมพลังให้ท้องเต็มที่ก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อน ผู้เขียนมีภารกิจขับกลับขึ้นดอยอินฯ อีกตอนตี 4 !












เพื่อไปแข่งวิ่งเทรล การขับรถขึ้นดอยตอนตีสี่ท่ามกลางความมึดมิดและอุณหภูมิที่เย็นสุดๆ จากการลดกระจกลงเพื่อรับอากาศภายนอกที่เย็นกว่า ระบบไฟส่องสว่างหน้าของนิสสัน เทอร์ร่า แบบ Quad-Eye LED ส่องสว่างนำทางได้ชัดเจน ให้ความมั่นใจดีมาก ถึงจุดจอดที่โรงเรียนบ้านขุนกลางเส้นทางลงเป็นดินและไร้แสงไฟ ไฟหน้ากับมุมมองด้านหน้าช่วยให้ขับเคลื่อนฝ่าไปในความมึดได้มั่นใจ เพราะเห็นรายละเอียดพื้นด้านหน้าชัดเจน ทำให้หลบแอ่งน้ำ หลุมได้สบาย หลังแข่งเสร็จราว 10.15 รับเหรียญ อาหารกล่องเรียบร้อยก็เดินกลับมาที่รถเพื่อเดินทางกลับไปรับสมาชิกไปตัวเมืองเชียงใหม่ไหว้พระธาตุดอยคำ พร้อมแวะทานอาหารเหนือที่ร้านเฮือนเพ็ญ 2 ซึ่งปรับปรุงร้านใหม่ไม่นาน น่านั่งมากขึ้นและอาหารอร่อย จากนั้นก็เข้าตัวเมืองขับหาความอร่อยร้อนๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นแบบนี้ โดยมานั่งทานน้ำขิงกันที่ ร้านเต้าฮวยเสวย ซึ่งค่อนข้างลึกลับพอสมควรมีโต๊ะให้นั่งไม่เยอะ ราคาก็ไม่ถูกแต่ได้ความอร่อยแบบเฉพาะตัวของเต้าฮวยและบัวลอยงาดำในน้ำขิง พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าได้เวลากลับที่พักเพื่อนอนจอมทองเป็นคืนสุดท้าย











เช้าวันใหม่เช็คเอ้าท์แล้วมุ่งขับไปเที่ยวกันต่อที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง เส้นทางสวยขับสบาย โค้งยังเยอะแบบทางเขา ขนานกับถนนเป็นลำน้ำแม่แจ่มดูเพลินตา เราแวะเดินชมธรรมชาติของอุทยานฯ ที่เป็นป่าสงวนมีทางเดินให้ศึกษาจุดสำคัญมากมาย เช่น แหล่งโบราณคดีของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ทั้งจุดพบโครงกระดูกและภาพวาดโบราณบนผนัง นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์คือ สะพานข้ามช่องเขาขาด เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร จากน้้นจึงเดินทางต่อไปแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผ่านโค้งขึ้นลงเขากว่า 90 กม. เพื่อไปทานอาหารที่ร้านอินทิรา ร้านเก่าแก่ของแม่สะเรียงที่มีเมนูอร่อยมากมายโดยเฉพาะปลาทอด และผัดเห็ดซีอิ้ว หลังจากอิ่มก็ขับย้อนกลับตามเส้นทางเดิม เรียกว่าทริปนี้ขับรถใหญ่อย่าง นิสสัน เทอร์ร่า ลุยโค้งนับพันได้ ปลายทางที่พักคืนนี้ที่แม่กลางหลวงเป็นโฮมสเตย์บนดอยอินทนนท์ อากาศ 10 กว่าองศาแบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่านอนโฮมสเตย์บนนาขั้นกระไดและอร่อยมื้อดึกกับหมูกระทะที่มีบริการถึงที่ นับเป็นสเน่ห์ของการเดินทางที่เข้าถึงธรรมชาติมากขึ้น แม้เส้นทางเข้าดูคดเคี้ยว คับแคบและลาดชัน แต่ก็สบายใจขึ้นเมื่อเป็น เทอร์ร่า VL 4WD จริงๆ ใช้แค่ขับเคลื่อนล้อหลังก็สบายๆ เช้าวันเดินทางกลับเราออกกันแต่เช้ามึดเพื่อขับขึ้นดอยอินทนนท์รอบที่ 3 ! ของทริปนี้่เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วแม่ปาน เส้นทางที่คุ้นชินทำให้ทำความเร็วและเข้าออกโค้งได้อย่างแม่นยำมากขึ้น บนกิ้วแม่ปานเราจอดบนพื้นที่ลาดโดยใช้ parking เบรกไฟฟ้าช่วย เดินไปรอเก็บภาพแสงแรกของวันพร้อมกับนักท่องเที่ยวมากมาย ลมที่พัดกับอุณหภูมิเลขตัวเดียวทำให้มือที่ไม่ได้ใส่ถุงสะท้านจนปวด หลังจากพระอาทิตย์ส่องสว่างเต็มที่ก็ขยับย้ายขับขึ้นไปจุดสูงสุดเพื่อไปเช็คอุณหภูมิด้านบนกันต่อ 5 องศาคือ ต่ำสุดที่วัดได้ในวันที่เราไป และ 6 องศาคือ ตอนที่เราไปถึงแต่ก็ไม่หนาวเท่าที่กิ่วแม่ปาน เราใช้เวลากับการเดินสำรวจธรรมชาติพืช ต้นไม้ นกเมืองหนาวตรงเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาที่ทำใหม่เดินง่ายขึ้น มีโอกาสได้เก็บภาพกุหลาบพันปี จนได้เวลาสมควรก็ขับกลับลงมาทานอาหารเช้าที่พักก่อนเช็คเอ้าท์เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยยังใช้เส้นทาง 106 บ้างโฮ่ง-ลี้-เถิน มุ่งเข้าตาก แวะทานขนมจีนร้านดังพร้อมแวะไหว้ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ขับยาวเข้าสู่กรุงเทพฯ แบบปลอดภัยทั้งคนและรถ

สรุประยะทางรวมของทริปนี้อยู่ที่ 2,050 กม. ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองแสดงผลที่หน้าจอไว้ 12.2 กม./ล. นับว่าน่าพอใจเมื่อคิดถึงจำนวนผู้โดยสารและใช้เส้นทางขึ้นลงเขาเยอะมาก นอกจากนี้ระบบการขับขี่อัจฉริยะ NIM ก็ช่วยให้ขับได้มั่นใจมากขึ้น ตัวรถโดยรวมให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ไร้ปัญหารบกวน ทำงานได้อย่างแน่นอนทุกระบบ ให้ความอเนกประสงค์มาก และรู้สึกแกร่ง ปลอดภัย

เขียนโดย
ชลัคร ช่วยชู
CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่