ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

บทความรถยนต์

icon-filter ค้นหารถยนต์แบบละเอียด
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

ขับดีกว่าที่คิด HAVAL JOLION Hybrid SUV นุ่มนวลอัตราเร่งสนุกความปลอดภัยเกินพิกัด

icon 14 ก.ค. 68 icon 10,813
Share
ขับดีกว่าที่คิด HAVAL JOLION Hybrid SUV นุ่มนวลอัตราเร่งสนุกความปลอดภัยเกินพิกัด
 All New HAVAL JOLION Hybrid SUV (ออล นิว ฮาวาล โจไลอ้อน ไฮบริด เอสยูวี) รถยนต์อเนกประสงค์ขนาด B-SUV ที่เหมาะกับครอบครัวที่ชอบพื้นที่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ระบบความปลอดภัยเกินพิกัด แต่ขนาดตัวรถไม่ใหญ่โตจนเกินไป ขับขี่ในเมืองก็คล่องตัว โดยเฉพาะเมื่อต้องจอดในที่แคบ ๆ ก็มีระบบช่วยจอดอัตโนมัติ 3 รูปแบบมาให้ (Ultra) และสมรรถนะ 1.5 ลิตร ไฮบริด ระดับ 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตรนั้นจะขับสนุกและประหยัดแค่ไหน กับการทดสอบขับ Jolion Ultra ใน 1 วันกับเส้นทาง กรุงเทพฯ - บางแสน จังหวัดชลบุรี ไป-กลับกว่า 270 กิโลเมตร กับค่าตัว รุ่น ULTRA 999,000 บาท
 
ทำความรู้จักเจ้าสิงโต ร่าเริงอีกนิด
All New HAVAL JOLION Hybrid SUV นับเป็นรถยนต์เอสยูวีรุ่นที่ 2 จากแบรนด์ HAVAL ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยเป็นรถยนต์ในเซ็กเมนท์เอสยูวี - บี ที่ขับขี่สนุกสนาน แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายและสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยขณะขับขี่ โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5L ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า ให้แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์แบบ DHT ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด เมื่อทํางานร่วมกับเครื่องยนต์ จะสร้างการขับเคลื่อนที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ)
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พร้อมเหล็กกันโคลง อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะเช่นเดียวกันกับรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV อีกด้วย 
All New HAVAL JOLION Hybrid SUV ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น
HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น TECH ราคา 879,000 บาท 
HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น PRO ราคา 939,000 บาท
HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น ULTRA ราคา 999,000 บาท
ก่อนไปลองขับบนถนนจริงมีการทดสอบในสนามปิดที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะ บริเวณอิมแพ็ค เลคไซด์ เมืองทองธานี เพื่อทดสอบสมรรถนะและเทคโนโลยีอัจฉริยะของ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV มีฟังก์ที่โดดเด่นได้แก่ 
1. การทดสอบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
All New HAVAL JOLION Hybrid SUV มาพร้อมกับกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมรถยนต์ให้อยู่ในช่วงความเร็วที่กำหนดไว้ โดยจะปรับลดความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้าเพื่อความปลอดภัย รวมไปถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
2. การทดสอบอัตราเร่ง
เป็นการทดสอบสมรรถนะและความแรงของเครื่องยนต์ 1.5L ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ 
3. การทดสอบระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) 
เป็นการใช้เซ็นเซอร์และกล้องในการตรวจสอบ เพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ จากนั้น ระบบจะทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ไมว่าจะเป็นการจอดแบบแนวตรง แนวเฉียง และการจอดเทียบข้าง ที่ทำได้อย่างแม่นยำและสะดวกสบาย โดยในการทดสอบที่สนามทดสอบจะเป็นการทดสอบการจอดแบบแนวตรง และการจอดเทียบข้าง
4. การทดสอบการขับขี่ขณะเปลี่ยนเลนและการขับขี่แบบสลาลม (Slalom)
เป็นการทดสอบการทรงตัวของตัวรถยนต์ การควบคุมพวงมาลัยและความแม่นยำของพวงมาลัยขณะขับขี่ เมื่อต้องการเปลี่ยนเลน หรือพบสิ่งกีดขวาง
5. การทดสอบเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) 
เป็นการทดสอบการเร่งหรือชะลอความเร็วโดยใช้เพียงคันเร่งเดียว โดยเมื่อตำแหน่งเกียร์อยู่ที่เกียร์ D ให้เหยียบคันเร่ง หรือยกเท้าออกจากแป้นคันเร่งเท่านั้น ก็จะสามารถทำให้รถยนต์เพิ่มความเร็ว หรือลดความเร็ว และจอดรถยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 
นอกจากนี้ ในบริเวณอิมแพ็ค เลคไซด์ เมืองทองธานี คณะสื่อมวลชนยังได้ร่วมสนุกไปกิจกรรม "Joy Race" เพื่อทดสอบฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ของรถยนต์ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV เพิ่มเติม โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ 
1. กิจกรรม JOY TO MORE 
เป็นการจัดเก็บกล่องกระดาษภายในท้ายรถอันกว้างขวางของรถยนต์ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV ให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาที่กำหนด 
2. กิจกรรม JOY TO PLAY 
เป็นการทดสอบการเปิด - ปิด หลังคา Panoramic Sunroof ด้วยระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Voice Command) โดยสื่อมวลชนจะต้องโยนลูกบอลให้ผ่านช่องหลังคา Panoramic Sunroof ให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลา 15 วินาที 
3. กิจกรรม JOY TO FIND THE WAY 
เป็นการทดสอบความแม่นยำของกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ซึ่งประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัว ที่มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel เพื่อช่วยให้การขับขี่ในทุกสถานการณ์เป็นเรื่องง่าย ผสานกับทักษะในการถอยหลังเข้าจอดเพื่อให้สามารถจอดรถยนต์โดยที่ล้อรถอยู่ในจุดที่กำหนด
หลังจากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางจากอิมแพ็ค เลคไซด์ เมืองทองธานี เพื่อเดินทางไปยังบางแสน จังหวัดชลบุรี เพื่อทดสอบสมรรถนะและความชาญฉลาดของรถยนต์ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV บนถนนจริงแบบขาไปขับเป็นขบวนเพื่อบันทึกภาพและได้ทดลองระบบต่าง ๆ ส่วนขากลับนั้นขับกันแบบ "ฟรีรัน" คือไม่กำหนดและไปสิ้นสุดที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ดังนั้นในขากลับนั้น "มีบันเทิงแน่นอนครับ" 
 
ท่านั่งเกือบสบายยังขาดอีกนิด
ท่านั่งขับขี่ในส่วนของเบาะนั้นนับว่านุ่มนวลสบายตัว จนอาจจะนุ่มยวบไป แต่โดยรวมดีและไม่เมื่อยตัวเมื่อขับนาน ๆ ส่วนท่านั่งหรือระยะระหว่างพวงมาลัยนั้น อาจจะต้องปรับจนกาจุดที่ถนัดที่สุด เพราะพวงมาลัยปรับได้แค่ขึ้น-ลง ไม่มีปรับเข้า-ออก จึงทำให้เมื่อปรับถอยเบาะให้ระดับขาพอดี กลายเป็นระยะพวงมาลัยไกลเกินไป ต้องโน้มตัวไปข้างหน้าเยอะ แต่เมื่อเลื่อนเบาะใกล้ระยะพวงมาลัยพอดี แต่ขางอ จึงต้องปรับตัวให้ขับได้ถนัดมากที่สุดนั่นเองครับ
วิสัยทัศน์กลาง ๆ ด้านหน้ามองได้กว้าง แต่เสา A มีความหนาจึงบดบังเมื่อเลี้ยวโค้งอยู่พอสมควร ส่วนกระจกด้านหน้านั้นแคบ จึงมองไม่ถนัดต้องปรับตัว และบวกกับเสาคู่หลังสุดที่มีช่องกระจกเล็ก ๆ แต่เมื่อมองจากกระจกมองหลังกลับมองไม่เห็นช่องกระจกจึงทำให้บังทิด แต่ยังดีที่มีกระจกมองข้างขนาดใหญ่มองได้ชัดและเคลียร์ และมีระบบเตือนมุมสายตา จึงไม่ใช่ปัญกาแต่อย่างใดครับ
สมรรถนะต้นจี๊ดปลายไหลจบที่ 157 กม./ชม.
อัตราเร่งออกตัวของ Jolion นับว่าทันใจและไต่ระดับความเร็วขึ้นได้รวดเร็ว โดยใช้การถ่ายคลิปจับเวลาจาก 0-100 กม./ชม. แบบคร่าว ๆ นับได้ประมาณ 9 ปลาย ๆ ถึง 10 วินาที สำหรับรถระดับนี้แล้วถือว่าเกินพอเลยครับ เพราะอย่าลืมว่าเป็นรถครอบครัวเน้นความปลอดภัยมาก แม้ว่าตัวเลขกำลังสูงสุดจะอยู่ที่ 190 แรงม้า แต่ด้วยความเป็นรถไฮบริดที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อน ส่วนเครื่องยนต์นั้นมีการเข้ามีช่วยในบางจังหวะที่ต้องการกำลังสูง ๆ หรือไฟในแบตฯ มีระดับต่ำ และในความเร็วสูง ๆ เท่านั้น การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับหลักจึงสัมผัสได้ถึงแรงขับเคลื่อที่คล้าย ๆ กับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน แต่ก็ยังไม่ดึงแรงเท่าแค่นั้นเองครับ
ความเร็วปลายถูกจำกัดไว้ที่ 157 กม./ชม. สาเหตุเพราะว่าทางวิศวกรและโปรดักส์ได้ทำสำรวยแบบย่อม ๆ กับลูกค้าหรือผู้ที่สนใจรถของ GWM เองว่าการใช้ความเร็วเดินทางให้ปลอดภัยอยู่ระหว่าง 90 - 110 กม./ชม. จึงไม่เน้นความเร็วปลายเท่าไหร่นัก ซึ่งความจริงแล้วตอนแรกที่รู้ว่าล็อคเอาไว้ก็คิดไปว่าจะพอในการเดินทางจริงหรือเปล่า แต่เมื่อได้ลองแล้วก็พอเข้าใจได้ครับ ว่าการเดินทางแบบปกติ (ไม่ใช่ขาซิ่ง) หรือหากไม่เอาไปแข่งกับใครนั้น ใช้ความเร็วเฉลี่ยไม่น่าเกิน 120 กม./ชม. ตามแต่ละพื้นที่กำหนดอยู่แล้ว แต่ด้วยความอยากลองจึงต้องขอลองการขับขี่แบบ "ซิ่ง" ดู สรุปก็คือ แช่ได้สูงสุด 157-158 กม./ชม. แล้วก็ตื้อ ซึ่งเมื่อขับไปสักพักก็รู้สึกว่าเริ่มอันตรายเพราะว่าเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและจะเป็นอันตรายต่อผู้ร่วมทาง บวกกับช่วล่างเดิม ๆ ที่ออกแบบมาให้ขับแบบนุ่มนวลนั่งสบาย แค่อัตราเร่งออกตัว-ขึ้นสะพาน-เร่งแซง แทบไม่มีการรอรอบก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นความเร็วที่ล้อคไว้ก็ไม่น่าเป็นปัญหาครับ  
การผสานกำลังทั้ง 2 ระบบทำงานได้ราบเรียบกว่าที่คาดคิดเอาไว้ แทบจะจับความรู้สึกระหว่างรอยต่อการสลับสัลเปลี่ยนหรือการตัดต่อกำลังของ 2 ระบบเลย นับว่าเนียบมากไม่แตกต่างจากรถยนต์ไฮบริดเจ้าตลาดเลยครับ ระบบช่วงล่างแอบงง เล็กน้อยเพราะว่าในความเร็วต่ำนุ่มนวล ส่วนที่ความเร็วสูงยังให้ความเกาะหนึบอยู่พอสมควร แต่ว่าก็มีในบางจังหวะที่เข้าทางโค้งหรือกระโดดคอสะพานพร้อม ๆ กับการเลี้ยว มีอาการ "ดิ้น" ของล้อหลังเล็กน้อย และบางครั้งเมื่อลงสะพานเร็ว ๆ โช้คด้านหน้ามีอาการ "ยืดสุด" จนมีเสียงดัง "ติ๊ก" แต่ถ้าขับแบบปกติในความเร็วเหมาะสมก็จะไม่มีปัญหาในส่วนตรงนี้ครับ
ระบบเบรกนั้นนุ่มเท้าและผ่อนแรงได้ดี แต่ขึ้นกับว่าเปิดโหมดใช้คันเร่งอัจฉริยะในระดับไหน เช่น น้อย-ปานกลาง-มาก ซึ่งจะมีความหน่อยแตกต่างกัน แต่ยังไม่เท่ากับระบบ One-peddle ในรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ระบบใน Jolion เพียงแค่ชะลอความเร็วมากหรือน้อยเท่านั้นเอง แต่กลับมีผลต่อการการใช้เบรก!
นั่นคือ ยิ่งเปิดระบบหน่วงมาก เวลาเตะเบรกหากลงน้ำหนักปกติ จะหัวทิ่งทันทีครับ! ต้องค่อย ๆ กดเพิ่มน้ำหนักเท้า แต่เมื่อผ้อนน้ำหนักกลับทำให้รถไหลต่อไปอีกนิด ในส่วนนี้จึงต้องมีการขับและปรับตัวตามบ่อย ๆ จึงจะใช้เบรกได้อย่างเนียนครับ (ความรู้สึกส่วนตัว) ซึ่งในส่วนตัวแล้วเปิดแบบหน่วงน้อยที่สุดไปเลย เพราะจะเหมือนรถทั่วไปนั่นคือ ปล่อยคันเร่งแล้วก็ไหลไปต่อเรื่อย ๆ ทำให้ใช้เบรกได้นุ่มนวลกว่าครับ 
  
เสียงใต้ท้องและลมเข้ารถมากกว่าที่คิด
เรื่องการเก็บเสียงนั้น หลังจากที่ได้เยี่ยมชมไลน์ประกอบเห้นว่ามีการบุฉนวนกันเสียงอยู่หลายจุดทั้งซุ้มล้อ ซุ้มแก้มและตัวถังบางจุด แต่เมื่อขับจริงกลับพบว่า เสียงล้อที่บนกับพื้นถนนดังเข้ามาตั้งแต่ความเร็ว 70 กม./ชม. ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นที่ยาง Goodyear Assurance รุ่นที่ใช้หรือไม่ แต่ยังดีที่ยางชุดนี้ให้ความเกาะและนุ่มนวลอยู่พอสมควรครับ ส่วนเสียงปะทะนั้นจะเริ่มได้ยินในช่วงความเร็วระดับ 90 ขึ้นไป ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ   
ขับสนุกแซงบ่อยตัวเลขประหยัดหล่นไป 13.3 กม./ลิตร 
เมื่อเป็นรถไฮบริดทำให้มีการตอบสนองของอัตราเร่งที่ดีกว่าเครื่องยนต์เพียว ๆ ดังนั้นในทริปนี้จึงใช้อัตราเร่งบ่อยมาก ทั้งออกตัว เร่งขึ้นสะพานทางด่วน แรงแซง ทั้งความเร็วต่ำและสูงรวมถึงแช่คันเร่งเพื่อทดสอบความเร็วสูงสุด ผลปรากฎว่าตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองบนหน้าปัดอยู่ที่ 13.3 กม./ลิตร นับว่าไม่ประหยัดและไม่กินจนดุเกินไป แต่หากเทียบกับรถยนต์ไฮบริดทั่วไปนั้นจะอยู่แถว ๆ 15 - 19 กม./ลิตร นั่นเป็นเพราะการใช้ความเร็วสูง ๆ บ่อย ๆ ครื่องยนต์จะทำงานนหักตลอดเวลา และยิ่งใช้อัตราเร่งแซงบ่อย มอเตอร์ไฟฟ้าใช้พลังงานจากแบตฯ มากขึ้นเครื่องยนต์ก็ต้องเพื่อปั่นไฟมากตามไปด้วยครับ สำหรับในทริปนี้อาจขับขี่แบบเน้นอัตรเาร่งมากเป็นพิเศาจึงทำตัวเลขการสิ้นเปลืองน้ำมันยังไม่ประทับใจนัก แต่ในรถที่ร่วมเดินทางไปด้วยบางคันก็ทำตัวเลขได้ถึง 14 - 16 กม./ลิตรเลยทีเดียวครับ สรุปว่าความประหยัดขึ้นอยู่กับ "น้ำหนักเท้าผู้ขับ" นั่นเอง 
ระบบความปลอดภัยเยอะสบายจนเคยตัว!
ไฮไลท์ของ Haval Joloin นั่นคือ ความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถระดับเดียวกัน เช่น ระบบช่วยจอดที่น่าจะเป็นเจ้าแรกในไทยที่มีให้ในรถระดับนี้ ส่วนระบบที่ช่วยเหลือการขับขี่ที่เทียบเท่าค่ายเจ้าตลาดก็มีได้แก่ ระบบเตือนรถออกนอกเลนที่มีแค่เสียงเตือนทำงานแยกกันกับระบบเตือนและดึงกลับฉุกเฉินเมื่อรถออกนอกเลนที่มีการดึงพวงมาลัยกลับให้ด้วย โดยสามารถสั่งเปิดปิดแยกกันได้ 
ระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามรถคันหน้า โดยเริ่มตั้งค่าได้ตั้งแต่ล้อเริ่มหมุน และค่าจะเซตรอไว้เริ่มต้นที่ 30 กม./ชม. ไปจนถึงประมาณ 150 กม./ชม. ที่มาพร้อมระบบชะลอความเร็วถึงจุดหยุดนิ่งและออกรถอัตโนมัติถ้าไม่เกิน 3 วินาที โดยระบบนี้นับว่าไม่แตกต่างกับรถค่ายเจ้าตลาด แต่ถ้ามองในมุมแบรนด์รุ่นน้องนับว่าให้มาคุ้มค่าเลยครับ
ความจริงแล้ว Jolion ยังมีระบบความปลอดภัยอีกเพียบ แต่การการทดสอบจะเน้นระบบหลัก ๆ ที่มีเทียบเท่าหรือมากกว่ารถระดับเดียวกัน แต่ว่าก็มีจุดที่ควรปรับปรุงเช่น หน้าจอที่ต้องเข้าไปเลือกเมนูการตั้งค่า หรือการสั่งเปิดปิดระบบของรถที่เข้ายากพอสมควร และในการปรับระบบเครื่องเสียงอย่างเพิ่มหรือลดเสียงลำโพง การปรับระบบควบคุมแอร์นั้น ต้องเข้าเมนูที่ซับซ้อน หากแก้ไขอินเตอร์เฟสของหน้าจอนี้ให้ใช้งานง่ายจะยิ่งดีกว่านี้ครับ
คำสั่งเสียงที่นับว่าฉลาดมากจนเกินความจำเป็นในบางครั้งพูดคุยหรือกำลังอัดคลิปรีวิวอยู่นั้นก็มีการตอบกลับขึ้นมาได้เอง แต่จริง ๆ แล้วถือว่าเป็นระบบสั่งด้วยเสียงที่ใช้งานง่ายมาก และจับเสียงได้รวดเร็วครับ คำสั่งไม่ยุ่งยากเพียงแค่ "สวัสดีฮาวาล" ไม่ว่าสำเนียงไหนระบบก็ตอบกลับได้ทันทีครับ โดยชุดคำสั่งก็กว้าง ๆ เหมือนรถที่สั่งด้วยเสียงทั่วไป เช่น เปิดหลังคา, เพิ่มแอร์, เปิดกระจก, ฟังวิทยุคลื่น.... เป็นต้นครับ   
สิ่งที่ควรปรับปรุงเพิ่ม
แม้ว่าจะมีระบบต่าง ๆ ที่ให้มากมาย แต่ก็ยังมีบางจุดที่ถ้าปรับปรุงเพิ่มเติมจะยิ่งได้เปรียบคู่แข่งขึ้นอีกเยอะอย่างเช่น พวงมาลัยที่ควรปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะไฟฟ้าคู่หน้า สำหรับรุ่นท็อป หน้าจอคนขับที่เลือกเปลี่ยนการแสดงผลค่อยข้างยาก โดยจะเด้งกลับมาที่หน้าเดิมเสมอหากกำลังเคลื่อนที่ เสียงรอบ ๆ ตัวรถที่เข้าห้องโดยสาร และหากเพิ่มการจำกัดความเร็วไปที่ 170 กม./ชม.จะยิ่งดีครับ และสุดท้ายคือยังหาเมนูปรับจอสะท้อนกระจกหน้าหรือ Head-up display ไม่เจอ และเมื่อพับเบาะแถวที่ 2 ไม่แบนราบเพราะพื้นส่วนท้ายยกสูงขึ้น ถ้าหากยกระดับเบาะแถวที่ 2 ให้พับแล้วอยู่ในระดับเดียวกันไปเลยก็น่าจะใช้งานได้สะดวกขึ้นกว่านี้ อย่างเช่นการปูเบาะที่นอนสำหรับสายแคมป์ได้เลยครับ
ส่วนสิ่งที่ประทับใจ นั่นคือ อัตราเร่งช่วงต้นและกลางตอบสนองดี ความสะดวกสบายและความนุ่มผิวสัมผัสของเบาะนั่ง หลังคาพาโนรามิกเปิด-ปิดไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ร่วมถึงระบบช่วยจอดอัตโนมัติ รูปทรงสวยทันมัย และก็มีระบบชาร์จไร้สาย Wiless charger ให้ด้วย  
สรุปความคุ้มค่าราคา
All New HAVAL JOLION Hybrid SUV  รถ SUV ขนาดกลางแต่ภายในกว้างขวางและใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน ให้เทคโนโลยีเยอะทั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ ฟังก์ชั่นคำสั่งเสียง สมรรถนะเครื่องยนต์ที่ขับสนุก ช่วงลางดี เหมาะกับชาวโสด วัยทำงานที่เริ่มต้องการขยับขยายรถคันใหญ่เพื่อความภูมิฐานมากขึ้น หรือครอบครัวกำลังขยายเพิ่มแต่งงาน มีลูก ญาติร่วมเดินทางไปบ่อย ๆ ซื้อเป็นรถคันแรกและคันเดียวในบ้าน สุดท้ายขึ้นกับว่าต้องไปทดลองขับและสัมผัสด้วยตัวเองก่อนตัดสิ้นใจซื้อ และต้องกล้าที่จะเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น พร้อม "Move on" จากค่ายเดิมที่คุ้มเคย "น้องโจไลออน" ก็นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากเลยครับ 
แท็กที่เกี่ยวข้อง haval รีวิว haval Haval Jolion
CAR GURU
เขียนโดย สินธนุ จำปีศรี CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่

ตารางผ่อนดาวน์ GWM Haval Jolion

คำนวณสินเชื่อเพื่อออกรถยนต์
ตัวช่วยให้คุณพิจารณาข้อมูลเบื้องต้นก่อนตัดสินใจซื้อรถ
ดาวน์ ยอดเงินดาวน์
(บาท)
จำนวนงวดผ่อน (เดือน)
48 60 72 84

รถยนต์เปิดตัวล่าสุด

ดูทั้งหมด

บทความรถยนต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)