ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

บทความรถยนต์

icon-filter ค้นหารถยนต์แบบละเอียด
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

การเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์

icon 15 ก.ค. 68 icon 360,766
Share
การเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์

เลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์

การจะเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ จะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับรถเรานั้น ก่อนอื่นเรามารู้จักตัวฟิล์มกันคร่าวๆ ก่อนครับ
ฟิล์มกรองแสงนั้น เป็นวัสดุโปร่งใสที่มีคุณสมบัติลดความร้อน ลดรังสียูวีหรืออัลตร้าไวโอเลต รังสีอินฟราเรด และช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่จะเข้ามาภายในห้องโดยสารรถยนต์ ฟิล์มกรองแสง แบ่งออกได้เป็นหลายแบบ ดังนี้
1. แบบไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด ฟิล์มชนิดนี้จะมีคุณสมบัติเฉพาะในส่วนของการกรองแสงจากดวงอาทิตย์ให้อ่อนลงเมื่อส่องผ่านกระจกเข้ามาภายในตัวรถเท่านั้น ฟิล์มประเภทนี้จะลดความเข้มของแสงได้เพียงอย่างเดียว แต่จะไม่สามารถกรองหรือลดอันตรายและความเข้มของรังสีต่างๆ ที่แฝงมากับแสงแดดได้ ฟิล์มแบบนี้จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก และฟิล์มแบบนี้ก็กันความร้อนได้ไม่เกิน 50% มักมีราคาถูกประมาณ 800-1,500 บาท/คัน และอายุการใช้งานสั้นประมาณ 3-5 ปี
2. แบบที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด ฟิล์มประเภทนี้ ตัวเนื้อฟิล์มจะเพิ่มวัสดุพิเศษซ้อนเข้าไปเพื่อเป็นตัวป้องกันรังสีต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อทั้งผู้โดยสาร และชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ถูกแสงแดด ซึ่งฟิล์มประเภทนี้สามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีก 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
2.1 ฟิล์มปรอท, ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มลดความร้อน คุณภาพการลดความร้อน 35-90% ตัวเนื้อฟิล์มจะเป็นสีสะท้อนแสงคล้ายกระจกเงา ค่อนข้างอันตรายสำหรับรถที่ขับตามหลังในเวลากลางวัน เพราะจะมองลอดผ่านกระจกไม่ได้เลย แต่ฟิล์มชนิดนี้เมื่อเอามือป้องที่กระจกจะสามารถมองผ่านเห็นด้านในได้ หรือหากเปิดไฟในรถเวลากลางคืนจะสามารถเห็นได้จากภายนอก ราคา 2,000-5,000 บาท/คัน อายุการใช้งานประมาณ 3-7 ปี
2.2 ฟิล์มอินฟราเรด (Infrared Film) เป็นฟิล์มชนิดที่เคลือบสารพิเศษในการไปตัดรังสีอินฟราเรด ซึ่งเป็นฟิล์มที่กันความร้อนได้ค่อนข้างดีที่สุด และมีราคาที่สูงมาก แต่ในปัจจุบันเริ่มมีหลายบริษัทผู้ผลิตฟิล์มจำหน่ายมากขึ้น ทำให้ราคาเริ่มปรับลดลง
2.3 ฟิล์มนิรภัย มีความหนาตั้งแต่ 4 MIL ขึ้นไป (1 MIL = 1/1,000 นิ้ว) มีทั้งชนิดลดความร้อน และไม่ลดความร้อน คุณสมบัติคือ จะช่วยยึดเกาะแผ่นกระจกให้คงรูปเดิมมากที่สุดเมื่อกระจกถูกแรงกระแทก และแตกเป็นเม็ดละเอียด และเนื่้อฟิล์มก็ยังช่วยซับแรงได้อีกชั้นหนึ่ง ส่วนมากจะใช้ในงานอาคารสูงเพื่อยึดกระจกไว้เวลากระจกแตก แต่ปัจจุบันก็เริ่มนำมาใช้ในรถยนต์มากขึ้น
2.4 ฟิล์มใสประเภทนาโน ฟิล์มประเภทนี้ แสงส่องผ่านได้มากกว่า 60% และไม่มีเงา แต่ลดความร้อนได้สูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ผลิตและนำมาเคลือบฟิล์ม และมีราคาค่อนข้างสูง

ติดฟิล์มกี่เปอร์เซ็นต์ดี?

คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับผู้จะติดฟิล์มกรองแสงสำหรับรถยนต์ แต่ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนครับว่า ความเข้มของฟิล์มที่เรียกกันติดปากว่าเปอร์เซ็นต์นั้นมีความหมายว่าอย่างไร

เปอร์เซ็นต์ที่แสงผ่านได้
เปอร์เซ็นต์ที่ใช้เรียกกันนั้น จริงๆ ก็คือ เปอร์เซ็นที่แสงสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ คำว่า 40, 60 ,80  เป็นภาษาโดยทั่วไปที่มักใช้เรียกตามระดับความเข้มของฟิล์ม โดยไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนในการวัด และฟิล์มแต่ละยี่ห้อก็จะมีค่ากำหนดที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทฯ จะออกแบบมา ซึ่งพออธิบายได้ง่ายๆ ดังนี้ 
  • ฟิล์ม 40%  บางยี่ห้ออาจหมายถึงฟิล์มใส ที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 35% ขึ้นไป เช่น ตัวเลขที่ระบุบนเนื้อฟิล์มเช่น APL35N, POP35N, APL45NX, L80BL ฯลฯ 
  • ฟิล์ม 60%  หมายถึง ฟิล์มเข้มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ  20%  เช่น ANL20N, ARL20C, ARL20BX, L20N, POP20N ฯลฯ 
  • ฟิล์ม 80%  หมายถึง ฟิล์มเข้มที่สุดที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ  5%  เช่น  ARL05C, ANL05N, POP05C, L05 Digital CTX  ฯลฯ 
ทั้งนี้ในบางยี่ห้ออาจมีค่าของแสงผ่านได้ตามตัวเลขที่ใช้เรียกเลยก็เป็นได้ครับ 

ติดฟิล์มทึบจะโดนจับหรือไม่

กฎหมายจราจรโดยรวมนั้นสรุปใจความได้ว่า ห้ามรถยนต์ทุกชนิดติดตั้งวัสดุทึบแสงที่บริเวณกระจกบังลมหน้าเต็มบาน และอนุญาตให้ติดตั้งได้เฉพาะ 1 ใน 4 ของขอบด้านบนกระจกบังลมหน้า และในส่วนที่ติดตั้งนั้นต้องมีความเข้มไม่เกิน 40% และในส่วนของกระจกบานอื่นรอบคันไม่อนุญาตให้ติดทึบเกิน 60% หรือทึบจนรถยนต์คันที่ขับตามด้านหลังไม่สามารถมองเห็นผ่านกระจกหลังทะลุกระจกบานหน้าของรถยนต์คันที่นำหน้าได้ จุดประสงค์ก็เพื่อความปลอดภัยเมื่อรถคันหลังขับตามมาจะสามารถมองเห็นผ่านไปยังด้านหน้าระยะไกลๆ ได้ดี ด้วยการมองลอดผ่านกระจกของรถที่อยู่หน้าตนเองได้ ทำให้มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย
แต่สำหรับประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนและแสงแดดมีความเข้มสูง อีกทั้งยังรังสีต่างๆ ที่มากับแสงแดดยังเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ดังนั้นทางกองบังคับการตำรวจจราจรจึงได้ผ่อนผันให้สามารถติดฟิล์มที่มีความเข้มมากขึ้นได้ แต่การผ่อนผันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าสามารถจะติดตั้งฟิล์มได้ทึบทั้งคัน! เนื่องจากยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งในเรื่องของอาชญากรรม และวิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่และผู้ขับตามหลัง แต่ก็ยังมีเจ้าของรถยนต์บางคนติดตั้งฟิล์มเข้มจัด จนมองได้ยาก และเสี่ยงต่ออาชญากรรมอีกด้วย อ่านเกี่ยวกับการบังคับใช้ฟิล์มกรองแสงเพิ่มเติมได้ที่นี่
สำหรับการเลือกฟิล์มรถยนต์นั้นมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น งบประมาณ คุณภาพ ความจำเป็นในการเลือกความเข้มของฟิล์มส่วนยี่ห้อผู้ผลิตนั้นส่วนใหญ่มักเป็นแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศที่มีคุณภาพสูงๆ (เมื่อติดตั้งร้านตัวแทนจำหน่ายที่ได้มาตรฐาน) ดังนั้นควรเลือกฟิล์มที่เหมาะสม เพียงพอกับตัวรถยนต์และลักษณะการใช้งานนะครับ หากเลือกความเข้มมากเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาเมื่อต้องขับรถในเวลากลางคืนได้ แต่หากใช้รถส่วนใหญ่ในเวลากลางวัน ก็ควรเลือกที่มีความเข้มมากสักหน่อย และเลือกรุ่น/ยี่ห้อที่ป้องกันรังสีฯ ได้มากที่สุดครับ ส่วนเรื่องราคานั้นก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลยครับ
 
 
แท็กที่เกี่ยวข้อง #ก้าวสู่วันใหม่
CAR GURU
เขียนโดย เช็คราคา.คอม CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่

รถยนต์เปิดตัวล่าสุด

ดูทั้งหมด

บทความรถยนต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)