รถสปอร์ตรุ่นพิเศษจาก Lamborghini ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 9 คันในโลกเท่านั้น ตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นเดียวกับรุ่น Aventador ให้แรงม้าสูงสุด 750 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ ISR ขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 355 กม./ชม. ราคาจำหน่ายสูงถึงคันละ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 148.5 ล้านบาท)

สำหรับ Lykan Hypersport หลายๆ คน อาจจะไม่คุ้นเคยกับรถซูเปอร์คาร์คันแรกจากตะวันออกกลางยี่ห้อนี้ เป็นผลงานจาก W Motors บริษัทสัญชาติเลบานอนที่ก่อตั้งเมื่อปี 2012 โดยผลิตออกมาเพียง 7 คันเท่านั้น ผลงานระดับ Masterpiece ที่ใช้เวลาพัฒนาถึง 6 ปีเต็ม จากการร่วมมือของหลายค่ายรถและสำนักแต่งชื่อดัง เครื่องยนต์ขนาด 3.7 ลิตร วางอยู่กลางตัวรถค่อนมาทางด้านท้ายแบบ 6 สูบ Flat-Six Twin Turbo ให้แรงม้ามหาศาลถึง 740 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 960 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 2.8 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 390 กม./ชม. ราคาคันละ 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 112.2 ล้านบาท)

Bugatti Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse เป็นรุ่นที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องของ Bugatti Veyron 16.4 ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์ W16 หรือ 16 สูบ ขนาด 8.0 ลิตร แต่ปรับปรุง Turbocharged 4 ตัวให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมระบบ Intercooler ทำให้พลังงานสูงสุดอยู่ที่ 1,200 แรงม้า ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อน 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 1,500 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 417 กม./ชม. และวิ่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาแค่ 2.6 วินาที คันละ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 82.5 ล้านบาท)

Koenigsegg รถซูเปอร์คาร์อีกยี่ห้อจากประเทศสวีเดน สู่ความเป็นที่สุดด้วยเครื่องยนต์ V12 สูบ ขนาด 5.0 ลิตร Twin Turbo ทำแรงม้าได้มากถึง 1,140 แรงม้าที่ 7,100 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.8 วินาที 0-200 กม./ชม. ในเวลา 12.6 วินาที 0-300 กม./ชม. ในเวลา 14.53 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 440 กม./ชม. คันละ 1.52 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 50.1 ล้านบาท)

Maybach Landaulet ถือได้ว่าเป็นรถสุดยอดแห่งความหรูหรา คำว่า Landaulet คือ รถม้าที่มีหลังคาทางด้านหลังพับได้ ที่ตรงกับแบบของรถรุ่นนี้ พกพาความแรงของเครื่องยนต์ 6.0 ลิตร แบบ V12 สูบ Bi-Turbo ให้แรงม้าสูงถึง 620 แรงม้าที่ 5,250 รอบ/นาที ภายในตกแต่งในโทนสีขาวสลับกับดำเพื่อเพิ่มความหรูอย่างเต็มพิกัด รวมถึงยังติดตั้งระบบความบันเทิงครบครัน ในราคาคันละ 13.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 45.5 ล้านบาท)

McLaren P1 ถูกพัฒนาและผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และใช้ต้นกำลังเป็นระบบ Hybrid ให้พลังแรงม้าสูงถึง 900 แรงม้า พร้อมระบบส่งกำลังแบบดูอัลคลัตช์ 7 สปีด และ Paddle Shift เปลี่ยนที่พวงมาลัย ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 3.0 วินาที และจาก 0-300 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 17 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 350 กม./ชม. ในราคาคันละ 13.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 44.5 ล้านบาท)

Rolls-Royce Phantom Series II LWB Standard รถหรูสัญชาติผู้ดี ถูกประกอบขึ้นด้วยความปราณีต คุณภาพสูงสุด และวัสดุที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ห้องโดยสารภายในหรูหราอลังการ พร้อมวัสดุคุณภาพเยี่ยม ประกอบด้วยมือ ณ โรงงานกู๊ดวูด ประเทศอังกฤษ ใช้เครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ ขนาด 6.75 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 460 แรงม้า มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF ในราคา 42.5 ล้านบาท

Pagani Zonda Cinque Roadster (Cinque ซึ่งเป็นภาษาอิตาลี มีความหมายว่า "5") กับตัวถังคูเป้เปิดประทุน 2 ที่นั่ง เครื่องยนต์วางกลาง เป็นขุมพลังของ Mercedes-Benz ที่ทาง AMG โมดิฟายให้ แบบ V12 ขนาด 7.3 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 680 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 79.5 กก.-ม. ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์แบบ 6 จังหวะคลัตช์ไฟฟ้าเปลี่ยนเกียร์ในแบบ Sequential ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชั่วโมงใน 3.4 วินาที และ 9.6 วินาที คันละ 1.25 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 40.4 ล้านบาท)

Hennessey Venom GT แม้ว่าชื่อแบรนด์นี้ จะฟังดูพ้องกับคอนยัคยี่ห้อหนึ่ง แต่ Hennessey เป็นบริษัทรถซูเปอร์คาร์ที่ถือกำเนิดขึ้นในรัฐ Texus, USA ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เป็นเครื่อง V8 Twin-Turbo ขนาด 7.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 1,244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,566 นิวตัน-เมตร โดยมีอัตราเร่งความเร็วจาก 0-300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 14.5 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 435 กม./ชม. คันละ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 39.6 ล้านบาท)

ซูเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini Aventador ขึ้นชื่อในเรื่องของความแรง ราคา 36.5 ล้าน มากับเครื่องยนต์ V12 สูบ ขนาด 6.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดถึง 700 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. โดยชื่อ Aventador นำมาจากชื่อของวัวกระทิงที่ได้รับรางวัล Trofeo de la Pena La Madronera ในปี 1993 จากความดุดันในการเป็นนักสู้โดยสายเลือด ส่วนรหัส 700-4 คือจำนวนแรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั่นเอง