TMB จับมือ 3 ยักษ์ใหญ่ เปิดอบรม TMB Efficiency Improvement for Supply Chain รุ่นที่ 3

ข่าว icon 16 ก.ค. 57 icon 1,702
TMB จับมือ 3 ยักษ์ใหญ่ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย


ทีเอ็มบีจับมือ 3 ยักษ์ใหญ่ เอสซีจี เปเปอร์ เบอร์ลี่ ยุดเกอร์และเซ็นทรัล กรุ๊ป ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เปิดอบรม TMB Efficiency Improvement for Supply Chain รุ่นที่ 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งซัพพลายเชนสินค้าอุปโภค
ทีเอ็มบี เอสซีจี เปเปอร์ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์และเซ็นทรัล กรุ๊ป จับมือร่วมกันติวเข้มผู้ประกอบการในซัพพลายเชนสินค้าอุปโภค ตามโครงการ TMB Efficiency Improvement for Supply Chain เพื่อยกระดับประสิทธิภาพทั้งซัพพลายเชนเชื่อเป็นแนวทางที่ยั่งยืน ช่วยลดต้นทุน ตอบโจทย์สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน
นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอี และซัพพลายเชน ทีเอ็มบี กล่าวว่า ในภาวะปัจจุบันที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคเข้มข้น ผู้ประกอบการไม่สามารถเพิ่มราคาสินค้าได้ ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องปฏิรูปตัวเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการตลอดทั้งซัพพลายเชน ลดความสูญเสีย และตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออก รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจในการทำงานร่วมกันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาประสิทธิภาพทั้งซัพพลายเชนย่อมส่งผลดีกว่าการพัฒนาตนเองเพียงลำพัง โครงการ TMB Efficiency Improvement for Supply Chain นี้ ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนหลักการดังกล่าว โดยที่ผ่านมา ทางทีเอ็มบีได้เปิดการอบรมในซัพพลายเชนอุตสาหกรรมอาหารมาแล้ว 2 รุ่น โดยผู้เข้าอบรมได้นำองค์ความรู้ไปปฏิบัติจนลดต้นทุนได้สำเร็จ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ ผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในซัพพลายเชนของตน ช่วยกันทำให้ราคาสินค้าในตลาดไม่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเมื่อถึงมือผู้บริโภค
โครงการ TMB Efficiency Improvement for Supply Chain รุ่นที่ 3 จึงได้เลือกเปิดอบรมให้กับ ซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภค เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีจีดีพีสูงถึง 28% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งมีต้นทุนอยู่ที่ 85% ดังนั้น ทุก 1% ของต้นทุนที่ลดลง จะเป็นเงินประมาณ 28,000 ล้านบาท หรือส่งผลให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้น 0.2% นั่นเอง
สำหรับโครงการรุ่นที่ 3 นี้ได้รับการตอบรับเป็นพันธมิตรร่วมจาก 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นต้นแบบขององค์ความรู้และเข้าใจถึงความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของเอสเอ็มอี และซัพพลายเชน ที่พร้อมใจกันเข้ามาเป็นพันธมิตรของโครงการ ได้แก่ บริษัท เอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านนวัตกรรมกระดาษและบรรจุภัณฑ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจ การผลิตสินค้า บริการการจัดจำหน่ายและลอจิสติกส์ทั้งในประเทศและภูมิภาค รวมทั้งบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของไทย ที่เข้าถึงลูกค้าทุกระดับและครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการจะได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติในหลักการของ Lean Six Sigma ซึ่งเป็นเครื่องมือในการจัดการประสิทธิภาพ และองค์ความรู้ด้านซัพพลายเชน นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้กรณีศึกษาจากประสบการณ์ของพันธมิตรในวงการสินค้าอุปโภค ทั้ง 3 บริษัทอีกด้วย
นายชาติชาย ลือกุลวัฒนะชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด ในเอสซีจี เปเปอร์ กล่าวว่า เอสซีจี มีกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนที่ทุกองค์กรสามารถนำไปประยุกต์ได้ นอกจากนั้นยังยกระดับคู่ธุรกิจซึ่งเปรียบเสมือนต้นน้ำ ได้แก่ ผู้ผลิตสินค้า ผู้ให้บริการ และผู้จัดจำหน่าย โดยใช้ประสบการณ์ด้านธุรกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่องค์กรทำสำเร็จแล้วไปช่วยปรับปรุงให้คู่ธุรกิจประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน สร้างมูลค่าเพิ่ม สู่ปลายน้ำ คือ ลูกค้าผู้อุปโภคและบริโภค ด้วยการเข้าใจและตอบสนองต่อความคาดหวัง และความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และการส่งเสริมเผยแพร่แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้กับภาคส่วนต่างๆ แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือความสัมพันธ์โดยตรงก็ตาม การปรับปรุงจากต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตลอดถึงการเพิ่มประสิทธิภาพจากความร่วมมือโดยใช้จุดแข็งที่ต่างฝ่ายต่างมีอยู่ เอื้อประโยชน์เสริมกันแลกัน จะช่วยเสริมให้ทั้งเราและคู่ธุรกิจมีความเป็นมืออาชีพ ตลอดจนสามารถขยายผลต่อในห่วงโซ่ต่อๆ ไป ซึ่งจะช่วยสร้างการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศโดยรวมได้
นายปฐมพงศ์ เอี่ยมสุโร รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภค บริโภค บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บีเจซี มีธุรกิจหลากหลายที่ครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ดังนั้น บริษัทจึงให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการในทุกกระบวนการทำงาน สำหรับในการดำเนินการเกี่ยวกับโรงงานผลิต บริษัทได้นำระบบควบคุมคุณภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตมาปรับใช้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้นำระบบ Lean Six Sigma มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต เพื่อควบคุมต้นทุนและพัฒนาประสิทธิภาพที่บริษัทอุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย จำกัด (มหาชน) (TGI) ซึ่งได้รับผลลัพธ์ที่ดีมาก ขณะนี้ก็ได้วางแผนนำไปปรับใช้ยังบริษัทที่ทำการผลิตอื่นๆ ในกลุ่มบีเจซี สำหรับการเข้าร่วมโครงการกับทีเอ็มบีในครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสที่ดี และจะเป็นประโยชน์กับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและเกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ผู้ประกอบการสามารถจะนำไปปรับใช้ในธุรกิจของตนเอง และสร้างประโยชน์ต่อองค์กรได้ในอนาคต นับเป็นโครงการที่ดีในการสร้างความแข็งแรง และรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศ
นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้ให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อระหว่าง ซัพพลายเชนเป็นอย่างมาก ด้วยการลงทุนระบบซัพพลายเชนระหว่างบริษัทในเครือเดียวกัน ทั้งในการจัดการเรื่องการขนส่ง การกระจายสินค้า การเก็บรักษาสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนั้น ยังได้กระจายความรู้ไปยังสาขาต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน กลุ่มเซ็นทรัลถือเป็นบริษัทค้าปลีกที่มีคู่ค้าเอสเอ็มอีเป็นจำนวนมาก และเราได้ช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีในระดับชุมชนทั่วประเทศ ในการจัดจำหน่ายในพื้นที่ของหน่วยธุรกิจต่างๆ ของเซ็นทรัลทั้งในและต่างประเทศ และได้ให้ความรู้เพื่อการพัฒนาต่อยอดสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้สินค้าของเอสเอ็มอีไทยก้าวเข้าสู่ตลาดสากลได้
โครงการ TMB Efficiency Improvement for Supply Chain รุ่นที่ 3 สำหรับผู้ประกอบการ สินค้าอุปโภค เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ก.ค. 57
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 087-575-7000, 0-2299-2250

แท็กที่เกี่ยวข้อง


ข่าวและอีเว้นท์การเงินล่าสุด



เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)