ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในความสนใจของใครหลายๆ คน แม้แต่ Elon Musk ที่มีการ tweet (โพสต์ลง Twitter) เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีอยู่บ่อยครั้ง เป็นส่วนที่ทำให้มีคนกลุ่มใหญ่หันมาใจสินทรัพย์นี้ ส่งผลให้ราคาวิ่งขึ้นไปสูงมาก
เหรียญยอดนิยมอย่าง Bitcoin มีราคาทะลุ 1 ล้านบาทต่อ 1 เหรียญต้อนรับปีใหม่ในปี 2021 และราคาแตะ 2 ล้านบาทต่อ 1 เหรียญในช่วงเดือนเมษายน 2021 หรือเพิ่มมาเท่าตัวในระยะเวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น และกลับมาทะลุ 2 ล้านบาทอีกครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 หลังจากนั้นเริ่มเป็นเทรนด์ขาลงมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันลดลงมาที่ระดับ 750,000-850,000 บาทต่อ 1 เหรียญในช่วงเดือนสิงหาคม 2022
ต่างจากหุ้นที่กว่าจะกลายเป็นหุ้นเด้ง หรือกำไร 100% ค่อนข้างใช้เวลา แต่กว่าจะขาดทุนได้ 100% ก็ค่อนข้างใช้เวลา และมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย เพราะมีกฎหมายควบคุมอยู่ จะเห็นว่าแต่ละสินทรัพย์แต่ละอย่างมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน แล้วในฐานะนักลงทุนควรจะเลือกลงทุนในหุ้น หรือ คริปโตฯ สินทรัพย์ไหนที่เหมาะกับเรา บทความนี้มีคำตอบ
ความแตกต่างของหุ้น และคริปโตฯ
1. เวลาในการซื้อ-ขาย
- หุ้น - ตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งในไทยและต่างประเทศมีเวลาเปิด-ปิดที่ชัดเจน หยุดวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดทำการของสถาบันการเงิน
- คริปโตฯ - ต่างจากตลาดคริปโตฯ ที่เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดของสถาบันการเงิน
ความแตกต่างข้อแรก ทำให้เห็นข้อดี-ข้อเสียว่าตลาดคริปโตฯ มีโอกาสให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเกิดการขาดทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน ดังนั้นสำหรับใครที่เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ กังวลว่าเวลานอนจะนอนไม่หลับ จะเหมาะกับตลาดหุ้นมากกว่า แต่สามารถแบ่งสัดส่วนเล็กน้อยมาลงทุนในคริปโตฯ ได้เช่นกัน
2. ความผันผวนของราคา
- หุ้น - ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดให้ราคาหุ้น สามารถปรับตัวขึ้นและลง (Ceiling and Floor) ได้ไม่เกิน 30% ของราคาปิดในวันทำการก่อนหน้า ดังนั้นนักลงทุนจะไม่เห็นหุ้นเด้งภายในวันแน่นอน เว้นแต่เป็นหุ้น IPO ที่เพิ่งเข้าตลาดวันแรก ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ราคาเพิ่มและลดได้ไม่เกิน 3 เท่าของราคา IPO
รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังมี Circuit Breaker หรือการหยุดการซื้อขายชั่วคราว โดยเมื่อ SET Index ปรับตัวลง -10% ใน 1 วัน จะหยุดทำการซื้อขาย 30 นาที และเมื่อ SET Index ปรับตัวลง -20% ใน 1 วัน จะหยุดทำการซื้อขาย 1 ชั่วโมง - คริปโตฯ - ตลาดคริปโตฯ ไม่มีการกำหนดเพดานราคาเหมือนตลาดหุ้น ดังนั้นจะเห็นราคาขึ้นลงวันละ 20-30% เป็นเรื่องปกติ หรือมากกว่านั้นก็เกิดขึ้นได้ เนื่องจากไม่มีเรื่องกฎเกณฑ์เข้ามาควบคุม
ต่อเนื่องจากความแตกต่างในข้อแรก นอกจากตลาดคริปโตฯ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ยังไม่มีเพดานด้านราคาอีกด้วย ทำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้แบบไม่มีกรอบ แต่สำหรับใครที่อยากลงทุนคริปโตฯ แต่กังวลเรื่องความผันผวน เราสามารถตั้ง Stop-Limit หรือล็อกผลขาดทุนไว้ ทำให้อุ่นใจกว่าเวลาที่ไม่สะดวกดูตลาด
3. เงินปันผล
- หุ้น - การจ่ายปันผลของหุ้น เกิดจากกำไรสะสมของบริษัทที่เราเข้าไปซื้อหุ้น ซึ่งความถี่ในการจ่ายอาจเป็นรายปี หรือ รายไตรมาส ซึ่งช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน
- คริปโตฯ - เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล จึงไม่มีการจ่ายเงินปันผล แต่ความเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล คือ การที่สามารถใช้คริปโตฯ ในพอร์ตของเราใช้จ่ายแทนเงินสดได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของเหรียญและข้อกำหนดในการซื้อขาย
4. ความมั่นคง
- หุ้น - กว่าจะมาเป็น 1 หุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ จะต้องเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมั่นคงสูง และทำเรื่องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินความเสี่ยงของบริษัท ซึ่งกว่าบริษัทจะเติบโตให้มั่นคงเพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ย่อมใช้เวลาหลายปี
- คริปโตฯ - แต่สำหรับคริปโตฯ สามารถสร้างเหรียญใหม่ๆ ได้ในเวลาที่สั้นกว่า โดยใช้ความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม ซึ่งปัจจุบันมีคริปโตฯ มากกว่า 9,600 เหรียญแล้ว ในขณะที่ปีที่แล้วยังมีเพียง 5,000 เหรียญเท่านั้น
ทำให้เห็นว่าหุ้นมีความมั่นคงสูงกว่าคริปโตฯ มาก สำหรับใครที่ต้องการความมั่นคงของสินทรัพย์ การเลือกลงทุนผ่านหุ้น เป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า
ดังนั้นจาก 4 ความแตกต่างนี้ ทีมงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดมากกว่ากัน แต่นอกเหนือจาก 4 ความแตกต่างนี้แล้ว อีก 1 วิธีในการเช็กง่ายๆ ว่าเราจะเลือกลงทุนในหุ้น หรือ คริปโตฯ ดีกว่ากัน ให้เพื่อนๆ ลองนึกภาพว่า ณ วันนี้เรามีเงิน 1 ล้านบาท ที่เก็บออมจากการทำงาน และการต่อยอดเงินลงทุนอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราจะเลือกทุ่มเงินนี้ลงทุนในหุ้น หรือ คริปโตฯ
สำหรับใครที่เลือกสินทรัพย์ใด สินทรัพย์หนึ่งได้อย่างไม่ลังเล แปลว่าเพื่อนๆ อาจได้เจอสินทรัพย์ที่เหมาะสมแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังลังเล รู้สึกว่าหุ้นก็มั่นคง แต่กับคริปโตฯ ก็อยากลงทุน เพื่อนๆ สามารถแบ่งสันปันส่วนเล็กๆ มาลงทุนในคริปโตฯ เพื่อศึกษาตลาดได้
ทีมงานต้องขอย้ำว่าไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ตาม จะต้องเป็นจำนวนเงินลงทุนที่ไม่เสียดาย สำหรับบางคนอาจจะ 500 บาท 1,000 บาท 10,000 บาท หรือ 100,000 บาท ซึ่งจำนวนน้อยหรือมากไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าในวันนี้เพื่อนๆ เริ่มเปิดใจให้กับการลงทุนแล้ว ดังนั้นขอให้เพื่อนๆ ทุกคนหมั่นติดตามข่าวสารการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และไม่ใช้เงินลงทุนมากจนเกิดปัญหาสภาพคล่องในอนาคต
5 ก.ย. 65
947
