LAND & HOUSES แก้เกม เดินหน้าฝ่าวิกฤตตลาดปี 2557

บริษัท แลนด์ แอน ด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ปรับเกมธุรกิจปี 57 เดินเกมฝ่าวิกฤตตลาดชะลอตัว ปรับเป้ายอดขายทั้งปีโตเพียง 6% ลั่นพร้อมเปิด 21 โครงการใหม่ปีนี้ตามแผน ไม่มีดีเลย์ เผยตลาดชะลอตัวช่วงนี้ทำให้หมดข้อกังวลเรื่องฟองสบู่หรือโอเวอร์ซัพพลาย

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มเกิดการชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา โดยปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบันนั้น ทำให้บริษัทได้ดำเนินการปรับแผนธุรกิจในปี 2557 นี้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ดีมานด์และกำลังซื้อชะลอตัวลง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 32,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากเป้ายอดขายในปีที่ผ่านมาเพียง 6% เท่านั้น จากที่ก่อนหน้านี้ตั้งเป้าไว้ว่ายอดขายในปีมะเมียนี้น่าจะโตถึงกว่า 15%

"สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับผลกระทบในทางอ้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ต่างก็ต้องประสบเหมือนกัน และต่างพากันตั้งการ์ดให้สูงไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงโดยการตั้งเป้าของปีนี้ในแบบที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม" นายอดิศร กล่าว

"ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ยอดจองของโครงการต่างๆ ของเราลดลงประมาณ 50% จากช่วงเวลาปกติ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะการซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างที่อยู่อาศัยนั้นเป็นเรื่องของความมั่นใจของผู้ซื้อด้วย ในส่วนของยอดโอนนั้นที่มีผลกระทบจะเป็นกลุ่มบ้านในระดับไฮเอนด์ ราคา 50-60 ล้านบาทมากกว่า ส่วนสินค้าในระดับราคาอื่นๆ ยอดโอนยังเป็นไปตามปกติ" นายอดิศรกล่าวเสริม

ด้านนายนพพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนในการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่รวม 21 โครงการ มูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 14 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 14 โครงการ และต่างจังหวัด 7 โครงการ (เชียงราย-บ้านเดี่ยว 1 โครงการ, เชียงใหม่-บ้านเดี่ยว 1 โครงการและคอนโด 2 โครงการ, ขอนแก่น-บ้านเดี่ยว 1 โครงการ, มหาสารคาม-บ้านเดี่ยว 1 โครงการ, อุดรธานี-บ้านเดี่ยว 1 โครงการ)

"การปรับแผนของเรานั้นไม่ได้เป็นการลดจำนวนโครงการ แต่เป็นการปรับในเรื่องของเวลาในการผลิตมากกว่า ซึ่งเรามีความมั่นใจที่จะดำเนินการตามแผนที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน" นายนพพรกล่าว

โดยนายนพพรได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า ความกังวลต่อสถานการณ์ความวุ่นวายในปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องระยะสั้น ซึ่งถ้าเหตุการณ์ไม่มีความรุนแรง ยืดเยื้อ ตลาดก็จะกลับมาฟื้นตัวได้ ในส่วนของบริษัทเองนั้น เนื่องจากรายได้ไม่ได้มาจากการพัฒนาอสังหาฯ เพื่อขายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงมองในแบบระยะยาวมากกว่าด้วยการเตรียมความพร้อมในเรื่องงบสำหรับการลงทุน ซึ่งหากมีโอกาสก็จะสามารถลงทุนได้ทันที

โดยในปีนี้ บริษัทได้เตรียมงบด้านการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในช่วง 2 ปีข้างหน้าจำนวน 6,100 ล้านบาท และลงทุนด้านการพัฒนาหรือซื้ออสังหาฯ เพื่อการให้เช่าอีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ในซอยทองหล่อที่บริษัทได้เซ้งที่ไว้เมื่อปีที่ผ่านมา มูลค่าโครงการราว 400-500 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะออกหุ้นกู้จำนวนไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการออกในช่วงครึ่งปีแรก 4,000 ล้านบาท และครึ่งหลังอีก 4,000 ล้านบาท และบริษัทอาจจะพิจารณานำโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ที่มีอยู่บางโครงการมาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือกอง REIT เพื่อจำหน่ายแก่นักลงทุนทั่วไป ซึ่งถ้าหากมีการดำเนินการจริง โครงการที่มีแนวโน้มจะนำมาเข้ากองทุนดังกล่าวจะเป็น แกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ เทอร์มินอล 21 หรือ แกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ ราชดำริ ส่วนโครงการแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ เพลินจิตบนถนนวิทยุนั้น บริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงครั้งใหญ่ในปีนี้

"จริงๆ แล้วการที่ตลาดมีการชะลอตัวแบบนี้ก็มีข้อดี เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาฯ บ้านเรามีการเติบโตแบบดุเดือดมาก ดังนั้นสถานการณ์ปัจจุบันจึงเหมือนเป็นการแตะเบรกให้ตลาดลดความร้อนแรงลง จะได้หมดความกังวลในเรื่องของฟองสบู่หรือว่าโอเวอร์ซัพพลายลง" นายนพพร กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากกาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com

ดูคอนโดทุกโครงการของ LAND & HOUSES